Tom Founder17376
หลังจากบริษัทพึ่งประกาศทริป Moscow ออกมาเชื่อว่าหลายคนคงตื่นเต้น

อยากให้ตั้งใจและไม่ล้มเลิกความตั้งใจครั้งนี้ง่ายๆ 
ลองอ่านนิทานและเรื่องราวของผมกันครับ

ยาวหน่อย แต่อาจเป็นป้ายบอกทางและแรงบันดาลใจให้บางคนได้

อย่าให้ใครมาขโมยความฝันของคุณ

ในห้องเรียนของเด็กชั้นมัธยมปลายแห่งหนึ่งในประเทศสหรัฐอเมริกา ครูให้นักเรียนเขียนเรียงความ เรื่องความฝันของฉัน (My Dream) นักเรียนชายอายุประมาณ 15 ปี ชื่อ มอนตี้ เขียนเรียงความว่าตนฝันอยากเป็นเจ้าของฟาร์มเลี้ยงม้าที่มีเนื้อที่กว้าง ใหญ่มหาศาลเท่านั้นเท่านี้ กำหนดตัวเลขไว้ชัดเจน กลางฟาร์มม้านั้นจะสร้างอาคารกว้างยาวเท่านั้นเท่านี้ เพื่อเป็นที่ต้อนรับผู้คนที่จะมาศึกษาดูงานฟาร์มม้าของตน มอนตี้อธิบายทุกอย่างชัดเจนละเอียดลออครบถ้วน แล้วส่งเรียงความนั้นให้กับครูเช่นเดียวกับเพื่อนๆ

เมื่อครูตรวจเสร็จแล้วแจกเรียงความนั้นคืนให้นักเรียนทุกคน มอนตี้รีบดูผลการตรวจของครู ปรากฏว่า ตรงมุมกระดาษด้านบนมีตัวหนังสือสีแดงเขียนตัว F ซึ่งแปลว่าตก หรือ Fail และมีข้อความเขียนไว้ว่า “พบครูหลังเลิกเรียนแล้ว”?
 เมื่อมอนตี้เข้าไปพบครูตอนเย็น ครูบอกกับเขาว่า “มอนตี้ เธอฝันว่าจะเป็นเจ้าของฟาร์มม้าที่ใหญ่ขนาดนั้นน่ะ เธอรู้มั้ยว่ามันต้องใช้เงินมากมายมหาศาลเลยนะ แล้วตอนนี้ทางบ้านของเธอมีเงินแค่ไหน ฝันของเธอเป็นไปไม่ได้เลย เอาอย่างนี้ละกัน มอนตี้ เธอกลับบ้านแล้วเขียนเรียงความฉบับใหม่มาให้ครูพรุ่งนี้ คราวนี้เขียนฝันที่พอจะมีทางเป็นไปได้หน่อยนะ แล้วครูจะให้คะแนนใหม่แทนคะแนน F ที่เธอได้นี้
     มอนตี้กลับบ้านแล้วเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้พ่อฟัง พร้อมขอคำแนะนำว่าตนควรจะทำอย่างไรดี เมื่อพ่อของมอนตี้อ่านฝันที่มอนตี้เขียนจบแล้วจึงพูดกับมอนตี้ว่า “นี่เป็นเรื่องสำคัญสำหรับชีวิตของลูกทีเดียว พ่อว่าลูกต้องคิดและเลือกเองแล้วล่ะ” เช้าขึ้นมอนตี้ไปพบครูพร้อมทั้งส่งเรียงความฉบับเดิมให้แก่ครู และบอกกับครูว่า “ครูเก็บ F ของครูไว้เถอะครับ ผมจะเก็บฝันของผมไว้ (You keep your F., I keep my dream.)” 


เสียงคนเล่าจบลง พร้อมพูดว่า “เรียงความฉบับนั้น ผมใส่กรอบแขวนไว้กลางผนังที่ทุกท่านเห็นอยู่นั้น และขณะนี้ทุกท่านกำลังยืนอยู่ในอาคารกลางฟาร์มเลี้ยงม้าที่เด็กคนนั้นเขียนไว้ในฝันของเขา และถ้าท่านมองออกไปข้างนอก นั่นคือฟาร์มเลี้ยงม้าขนาดเดียวกับที่เขียนไว้ในเรียงความฉบับนั้น
  หลังจากที่คณะดูฟาร์มได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดและกำลังจะแยกย้ายกลับบ้าน ได้มีชายสูงวัยคนหนึ่งเดินมาหา มอนตี้แล้วพูดว่า จำคุณครูได้ไหม “ครูว่าตลอดหลาย 10 ปี ครูคงเป็นคนขโมยฝันของนักเรียนมาหลายคนแล้ว แต่ครูดีใจที่เธอเก็บฝันของเธอไว้ และทำฝันให้เป็นจริง ครูขอโทษที่เกือบจะขโมยฝันของเธอเช่นกัน”
   

ผมได้ยินนิทานเรื่องนี้มาหลายปีแล้ว และใช้เป็นป้ายบอกทางทุกครั้งที่มีใครจะมาขโมยความฝัน ผมว่าเรื่องราวคล้ายๆลักษณะนี้คงเกิดขึ้นจริงกับใครหลายคนในชีวิตจริงที่แรกๆก็เป็นคน คิดใหญ่ฝันใหญ่ อยากที่จะทำอะไรที่ยิ่งใหญ่ แต่พอเริ่มไปบอกใครบางคนว่าจะทำสิ่งที่เป็นความฝันที่ดูยิ่งใหญ่เกินจริง ก็มักมีคนรอบข้างไม่เชื่อ หาว่าบ้าบ้าง เพี้ยนบ้าง เพ้อฝันบ้าง และมักบอกให้เรากลับมาสู่โลกของความเป็นจริงเสมอ

ซึ่งได้ยินเช่นนั้น หลายคนไม่ได้คิดแบบมอนตี้ หลายๆคนกลับล้มเลิกความฝันของตัวเอง เพียงเพราะใครบางคนบอกว่ามันเป็นไปไม่ได้ สุดท้ายหลายๆคนก็ไม่ได้เกิดมาและทำตามความฝันของตัวเองในที่สุด

เมื่อหลายปีก่อนผมมีความฝันอย่างนึงว่า หากได้เห็นสถานที่สวยๆจากโปสเตอร์ จากในหนัง จากใน Internet หรือจากที่ใดๆก็ตาม จะบอกตัวเองว่าไม่ว่าจะอยู่ที่ใด เราต้องไปในสถานที่แห่งนั้นให้ได้ โดยไม่ต้องกังวลเรื่อง เวลาหรือค่าใช้จ่าย ซึ่งใครที่รู้ เขาคงหาว่า เพ้อฝัน บ้า หรือเวอร์เกินไป แต่สุดท้ายมันก็คือ 1 ในฝันเล็กๆของผมเช่นกัน ไม่ว่าใครจะพูดหรือคิดอย่างไร ผมก็เดินหน้าตามความฝันตัวเองต่อ

ทำอย่างไรก็ได้ให้ตัวเองมีเงินและเวลามากพอ
หรือที่เรียกว่า " Financial Freedom"
ซึ่งก็คือ มี "อิสรภาพทางการเงินและเวลา"

จนกระทั่งด้วยความพยายามหลายปี
ในวันที่ผมประสบความสำเร็จในธุรกิจ
ผมจึงสามารถทำตามความฝันนี้ได้

เมื่อหลายเดือนผมก่อนได้มีโอกาส เห็นภาพๆหนึ่ง
เป็นภาพทะเลสาบน้ำใสราวกระจกสะท้อนภาพภูเขาที่อยู่ข้างหลังเห็นแล้วสะดุดตามากจึงไปค้นหาดูจึงพบว่ามันคือเมือง Hallstatt เป็นเมืองเล็กๆอยู่ที่ Austria จึงตั้งใจเลยว่าต้องไปให้ได้

แต่เชื่อไหมเมืองนี้เป็นเมืองตากอากาศเล็กๆ ที่ไม่มีอะไรให้เที่ยวมากนักนอกจากมาพักผ่อนตากอากาศจริงๆ จึงไม่มีทัวร์ไหนพามาพักที่นี้เลย อย่างมากคือแค่เป็น 1 ในโปรแกรมแวะเที่ยว ให้ได้ถ่ายรูป 3 ชมและนั่งรถไปเมืองข้างๆต่อซึ่งเป็นอะไรที่ดู ชะโงกทัวร์มาก

แต่มันเป็นความตั้งใจที่ผมอยากมาสุดท้ายผมจึงหาข้อมูลจากทั้งหนังสือและ Internet จนได้ข้อมูลมากพอ และจึงได้ทำการจัด Trip ของตัวเองขึ้นมา โดยมี Hallstatt เป็นจุดหมายปลายทาง

แต่ไหนๆจะมาแล้วจึงพยายามเลือกเวลาที่มาแล้วได้อะไรคุ้มที่สุด สุดท้ายเมื่อโปรแกรม Super Cup ออกมาและกำหนดสถานที่เตะคือที่ Prague ซึ่งใกล้ๆกันพอดี และบังเอิญอีกมากที่ Chelsea แข่งกับ Man U ก่อนหน้าแค่ไม่กี่วันเอง Trip นี้จึงถูกกำหนดอย่างคุ้มค่าลงตัวมากสำหรับความต้องการของผม

เริ่มที่ไป Manchester ดู Man U Vs Chelsea จากนั้นแวะเที่ยว London 2 วันและเดินทางต่อ ไป Prague เพื่อ ดู Super Cup Chelsea Vs Bayern เสรจแล้วลงใต้แวะเที่ยวเมืองเล็กๆน่ารัก Cesky Krumlov อีก 1 คืน และมาจบที่ Hallstatt ซึ่งผมจะอยู่ที่นี้เต็มอิ่ม 3 วันเลย

ซึ่งโชคดีมากที่มา 3 เพราะวันแรกที่มาฟ้าฝนไม่เป็นใจฝนตกทั้งวัน ซึ่งหากมาทัวร์แล้วเจอฝนตกจบเลย แต่นี้ยังมีเวลาอีก 2 วันซึ่งดูจากพยากรณ์อากาศแล้วพุ่งนี้ฟ้าน่าจะโปร่ง

วันนี้เลยออกมานั่งดูถ่ายทอดสดแดงเดือดตรงระเบียงก็ ชิวไปอีกแบบ

ซึ่งภาพที่เห็นนี้ถ่ายจากห้องพักในโรงแรมที่พักเลยเป็นวิวริมทะเลสาบเลย เมืองนี้ของจริงสวยมากๆ
สวยกว่าภาพแรกที่ผมเห็นใน Internet เสียอีก(ภาพพื้นหลัง)

นี้ก็เป็นฝันอีก 1 อย่างที่บรรลุแล้ว อยากเป็นกำลังใจให้ทุกๆคน

ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ขอให้เดินตามความฝันของคุณเสมอ