วันเสาร์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2555

คอร์สการ Sponsor และการติดตาม DL ใหม่

20-10-55 คอร์สการ Sponsor และการติดตาม DL ใหม่
อย่างมีประสิทธิภาพ โดยคุณทอม ธเนศ ลีลาภรณ์

ทำไมต้องมีเป้าหมาย?
1. เป้าหมาย คือแรงขับเคลื่อน 
หลายๆคน ตั้งเป้าหมายไป ทริปเมดิเตอร์เรเนียน
เดือน ต.ค. เป็นเดือนแรก ถ้าเราอยากไป
เราจะมีการ SP ลูกใหม่ ชวนคนใหม่ ด้วยเป้าหมายเดียวกัน
2. เป้าหมาย คือปลายทาง
ทำให้เรารู้ว่า เราจะเดินทางไปไหน เดินถูกทิศทาง
3. เป้าหมาย คือเจ้านาย 
ถ้าเรามี Commitment ต่อเป้าหมายของตัวเราเอง 
เพราะข้อดีของ Aimstar คือไม่มีเจ้านาย ไ่ม่มีใครสั่งเราได้
และข้อเสียก็คือไม่มีเจ้านายเช่นเดียวกัน เราต้องเป็นนายตัวเอง

ควรตั้งเป้าหมายแบบไหน เพื่ออะไร?
1. ตั้งให้ใหญ่พอ ให้เกิดความคุ้มค่าในการทำ และเป็นไปได้
2. เพราะคนมีเป้าหมาย คือคนที่น่าเดินตาม 
ในช่วงแรกที่ทำ อย่าเอาปัจจุบันไปคุย ให้เอาเป้าหมายไปคุย
เช่น เราเพิ่งเริ่มทำธุรกิจ แต่อีก6เดือนข้างหน้า เราได้หลักแสนแน่นอน
พูดด้วยความมั่นใจ ไม่ใช่เพื่อนถามว่า ได้เท่าไหร่แล้ว
ก็หลบตาเพื่อน แล้วพูดเสียงเบาๆ ว่า เพิ่งทำ
3. เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับทีมงาน
4. เพราะถ้า UL มีเป้าหมาย DL จะโชคดี

การสอนคนใหม่ สอนด้วยเนื้อหา ทฤษฎี
การสอนผู้นำ สอนด้วยเนื้องาน การปฏิบัติ
เราต้องเป็นตัวอย่างที่ดีในการ SP ลูกใหม่ เพื่อช่วยทีมงาน

เป้าหมายเกี่ยวกับการ SP
การที่เรากำหนดเป้าหมาย จะทำให้เรารู้ว่า ต้อง SP ยังไง เช่น
- อยากเป็น RB ก็ต้องมี 200,000 PV ในฝั่ง Balance
- อยากมีลูกเป็น PT 3 คน ก็จะทำให้เราต้องเช็คว่า 
ตอนนี้เรามีลูกส่วนตัวแล้วกี่คน มีคนเข้าระบบแล้วกี่คน?
- เป้าหมายจะทำให้เรารู้ว่า เราควรจะ SP คนแบบไหนเข้ามา

การ SP ที่ดี ควร เน้น ปริมาณ หรือ คุณภาพ???
ปริมาณที่มากพอ จะทำให้เกิดคุณภาพ ?
เคยได้ยินประโยคนี้ไหม? แล้วรู้สึกอย่างไร?
บางครั้ง การทำ ปริมาณมากๆ อาจไม่เกิดคุณภาพเลยก็ได้
เหมือนการที่เรามี Spirit แต่ไม่มี Skill ซึ่งอาจไม่ทำให้เกิดผลดี
สิ่งสำคัญ ของการ SP ที่ดี คือ
"การมีปริมาณที่มากพอ โดยมีวิธีการที่ถูกต้อง" Spirit+Skill นั่นเอง

ผลสำเร็จของการ SP คืออะไร?
1. การทำให้เขารู้สึกดี และไว้วางในใจตัวเรา
2. การทำให้เขามีทัศนคติที่ดี ต่อ ธุรกิจเครือข่าย
3. การทำให้เขารู้สึกเริ่มคิด เริ่มมองถึงเป้าหมายในอนาคต
"เราดูดี ธุรกิจดูดี เราบอกว่าเขาทำได้ เขาจึงตามเรามา"

คุณมีเป้าหมายอะไรในการ SP?
(นำกระดาษขึ้นมา และเขียนมันลงไป ควรเป็นเป้าหมายที่
ทำให้เราเกิดแรงบันดาลใจ และทำให้ตัวเราเกิดความเืชื่อมั่น)

เป้าหมายที่ดี จะเป็นจุดเริ่มต้นของรายชื่อเสม
ถ้าขาดเป้าหมายที่ดี รายชื่อก็จะไม่มีคุณภาพ
ระหว่าง ลูก 10 SV กับ ลูก 1 BZ คิดว่าอะไรดีกว่า ?
ถ้าเราตั้งเป้าหมายอยากมีลูกใหม่เป็น BZ ใหม่ เราจะคิดถึงรายชื่อดีๆ

บรรยากาศ และอารมณ์ ก็เป็นตัวกำเนิดรายชื่อเช่นกัน
วันนี้ ไม่มีคำว่า ตันรายชื่อ มีแต่คำว่า ตันความคิด ตันเป้าหมาย
วันนี้ ใครคิดว่า ตัวเองไม่มีรายชื่อแล้วบ้าง ??? (หลายๆคน ยกมือ)
ถ้าสมมุติวันนี้ Aimstar ออกโปรโมชั่นออกมา
ใคร SP ได้ลูก 10 SV ใหม่ เดือนนี้ ได้ 1,000,000 บาท
ใคร มีลูกเข้าระบบ 5 คน เดือนนี้ได้ 2,000,000 บาท
ใครคิดว่าทำได้บ้าง ? เชื่อว่า ทุกคนจะทำได้ทันที
ปัญหาเรื่องรายชื่อล่ะ? จะไม่มีในสมองอีกต่อไป
ทุกคนสามารถทำได้ทันที โดยไม่ต้องมีใครสอนวิธีการด้วยซ้ำ
วันนี้ สำคัญที่ว่า เราจินตนาการ ถึงผลลัพธ์ในอนาคตได้ไหม
เราต้องสะกดจิตตัวเองให้ได้ ว่าถ้าเรามีลูกใหม่ และเข้าระบบ
เราจะสามารถเป็น มนุษย์เงินแสน มนุษย์เงินล้านได้

*** เขียนรายชื่อคนที่คุณจะนัดหมาย ทันทีหลังจบคอร์สนี้ ***
1. คนที่เคยโทรแล้ว ปฏิเสธแล้ว เกิน 90 วันแล้ว
2. คนที่เราไม่กล้าโทร
3. คนที่เราอยากโทร แต่ไม่มีเบอร์ (พยายามหาเบอร์จากเพื่อนๆ)
4. เพื่อนที่ชอบเที่ยว มีความฝันอยากมีรถ อยากมีบ้าน
5. เพื่อนที่รักสุขภาพ รักความสวยความงาม อยากลดน้ำหนัก
6. เพื่อนที่ขยัน นิสัยดี

ใครที่ยังเขียนรายชื่อไม่ได้อีก???
เพราะเราเก็บรายชื่อนั้นไว้ ลึกสุดใจ เกินไปหรือเปล่า
ถ้าหาไม่ได้จริงๆ หมดแล้วจริงๆ
ก็ต้องรู้จักหารายชื่อใหม่ๆ ให้เป็น

1. กลับไปพบปะสังสรรค์ กับเพื่อนเก่าบ้าง 
ถ้าความสำเร็จไม่เพิ่มขึ้นซักระยะ ลองถอยหลังซักครึ่งก้าว
แล้วออกไปพบปะเพื่อนๆบ้าง อย่าอยู่แต่กับสังคม Aimstar
2. รู้จักแบ่งเวลา เพื่อไปหากิจกรรม หรือสังคมใหม่ๆ 
เช่น การออกไปเรียนภาษา การไปเข้า Fitness
3. การทักทายคนแปลกหน้า (ไม่แนะนำสำหรับคนทำไม่เกิน3เดือน)
เพราะการทำคนแปลกหน้ายากกว่าการทำกับคนรู้จัก
การคุยกับคนแปลกหน้า เราควรมีทักษะพอสมควร
ขั้นต่ำควรทำมาแล้ว6เดือน หรือมีความสำเร็จขั้นต่ำเป็น Gold Star
เราเป็นผู้เลือกบุคลิก สถานที่ และความชอบเบื้องต้น
เลือกคนที่เราอาจจะ SP ยาก แต่ทำงานด้วยง่าย
ดีกว่า เลือกคนที่เราอาจจะ SP ง่าย แต่ทำงานด้วยยาก
สิ่งสำคัญของการทักคนแปลกหน้า คือเราต้องดูเป็นมืออาชีพมากพอ

*******************************************************

การแชร์ประสบการณ์โดย น้องเหมย RB ใหม่ ประจำเดือน ก.ย.55
เข้ามาทำเดือนแรกเป็น SL เดือนที่สองเป็น PT
เดือนที่สามถึงหก ก็ยังคงเป็น PT ห้าเดือนที่ไม่มูฟ
อยากมูฟ ทำยังไงดี? รอทีมงานเก่าตัดสินใจทำเพิ่ม?
รอคนใหม่มีศักยภาพเข้ามา? สปอนเซอร์ลูกใหม่ ทำงานรอบใหม่เอง?
ตัดสินใจได้ว่า การสปอนเซอร์ลูกใหม่ เราควบคุมง่ายที่สุด
ปัญหาคือ ไม่มีรายชื่อ ... เซ็ง ... ทำยังไงดี?
เพื่อนในเอกเดียวกัน 100 คน SP หมดแล้วทุกคน ญาติก็หมดแล้ว
ปรึกษา UL ได้คำตอบว่า ให้ลองหาสังคมใหม่ๆ 
ทักคนแปลกหน้าที่ดูบุคลิกภาพดี

หลักคิดในการทักคนแปลกหน้า
1. แต่งกายดี 2.บุคลิกดี 3.มีความมั่นใจ

Start 1. หาจุดเชื่อม สิ่งที่เขาสนใจ 
เช่นถ้าเจอที่ร้านหนังสือ ก็ดูว่า เขาอ่านหนังสือแนวไหน แล้วคุยเรื่องนั้น
2. หาเรื่องชมเค้า แต่ต้องชมในเรื่องจริง อย่าเว่อร์
3. หน้าคุ้นๆนะ เรียนที่นี่ไหม? อยู่แถวนี้ไหม?
หาจุดคุยเพื่อเชื่อมโยง เพื่อ Check Form ไปด้วยในตัว
4. ทักทายทั่วไป กับคนที่เราเจอเป็นประจำ
เช่นช่างตัดผม คนขายของหน้าปากซอย เพื่อสะสมรายชื่อ

ข้อโต้แย้งที่มักจะพบบ่อย
คิดอะไรหรือเปล่า? เห็นบุคลิกดี อยากรู้จัก 
พอดีเป็นคนต่างจังหวัด ไม่ค่อยมีเพื่อนในกรุงเทพฯ
ขอโทษนะ ไม่สะดวกคุย!!! ไม่เป็นไร (ต้องไม่ตื๊อ)
มีอะไรหรือเปล่า? จริงๆมีนะ แต่วันนี้คุยกันเรื่องไม่มีก่อนดีกว่า
(มุขนี้ เรียกรอยยิ้ม จากคนแปลกหน้าได้แน่นอน ^_^)

ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น จากการทักทายคนแปลกหน้า มีแค่ไม่ กับ ได้
ไม่สนใจคนปฏิเสธ เจ็บไม่ต้องจำ ทำต่อ สนใจแต่คนตอบรับ
พูดคุย ทำความรู้จักกัน เล็กน้อย แลกเบอร์
แล้วทิ้งคำพูด ถ้ามีอะไรดีๆ แนะนำเราได้นะ
แล้วถ้าเราเจออะไรดีๆ จะแนะนำไป
เพื่อที่ การที่เราโทรไปคุยครั้งต่อไป จะได้เข้าเรื่องได้ง่ายขึ้น


****************************************************

การแชร์เรื่องการ เช็คฟอร์ม และนัดหมาย โดยว่าที่ Ruby Star พี่โย้ Giver


การโทรนัดหมาย การ SP หลายๆครั้ง แล้วไม่ได้
ก็จะเหมือนกับปลาที่เจ็บจมูก แค่คิดจะทำก็เจ็บแล้ว ยังไม่ทันได้ทำ
ซึ่งหลายๆครั้ง เรานัดหมายไม่ได้ เพราะเราไม่ได้ Check FORM

F- Family ครอบครัวเป็นอย่างไร บ้านอยู่แถวไหน
O-Occupation งานเป็นอย่างไร แชร์บวก เพื่อให้เขาแชร์ลบออกมา
อย่าแชร์ลบถึงงานของเขา เพราะจะเป็นเหมือนการดูถูก
แล้วเขาจะ Protect ตัวเอง ควรรู้วันเวลาทำงาน เพื่อรู้เวลาเลิกงานเขา
R-Recreation ปกติว่างๆ ทำอะไร ต้องรู้จักสนใจให้เหมือนเขาสนใจ
จะได้ไป Join กับเขาได้ เป็นพวกเดียวกัน เพื่อเพิ่มความเป็นกันเอง
่เช่น ว่างๆเขาชอบตีแบด เราก็ต้องชอบตีแบด เป็นต้น
M-Motivation พูดเรื่องราว Wisdom ต่างๆ ให้เขาคิดถึงอนาคต 3-5 ปี
คนจบใหม่ มักจะโลกสวย แต่คนทำงานประจำซักระยะ จะเข้าใจความจริง
คิดว่า รายได้พอดูแลคนที่เรารักได้ไหม? ถามให้เขาคิด ให้เขาเอะใจ

รู้จักออกไปหาเพื่อนกลุ่มใหม่ๆ เพิ่ม Quality คนรู้จักของเรา
หากลุ่มเพื่อนใหม่ๆ ที่เป็นกลุ่มคนที่มีศักยภาพ มีทัศนคติบวก
และเวลาทำเนื้องานนัดหมาย ต้องมี น้ำเสียงตื่นเต้น
พูดให้เขารู้สึกว่า น่าสนใจ น่าลองมาศึกษาดู
โดย ปิดการนัดหมายแบบ win-win close 
ให้ทางเลือกคน แต่ไม่ว่าทางไหน เราก็ win อยู่ดี
เช่น สะดวกเจอกันวันไหน ศุกร์ หรือเสาร์ ดี? 5โมงเย็น หรือ1ทุ่มดี?
คือให้เขามีตัวเลือก แต่ไม่ว่าจะเลือกตัวเลือกไหน ก็เจอเราอยู่ดีนั่นเอง

สิ่งสำคัญคือ เมื่อนัดหมายได้แล้ว ต้องรู้จักรีบวางโทรศัพท์
เพื่อป้องกันปัญหา การถามตอบ ทางโทรศัพท์ 

สูตร 3-1-3-1 โทรหารายชื่อเพื่อน 3 คน นัดได้หรือไม่ ไม่สนใจ
โทรกลับมาคุยกับ UL เพื่อวางแผน ปลอบใจ ประเมิน และปรับเปลี่ยนวิธีการ

รู้จัก Confirm นัดให้เป็น เช่น
- ชัวร์นะ เราจะได้ไม่ต้องนัดใครซ้อน / เราจะได้รีบเคลียร์งานให้เสร็จ

ถ้าถูก Cancel case วิธีคิดสำคัญมาก
1. โทรหา case ต่อไปให้ได้ อย่าปล่อยให้ ความเหงา ความคิดลบ
ความรู้สึกว่า ทำยาก มาเยือน เพราะสิ่งที่ทำให้อยู่ในธุรกิจได้คือ ความหวัง
2. โทรหา UL ตามไปขอดู Case หรือ HM ไปเข้าบรรยากาศ
อยู่หลายคนระวังคำพูด อยู่คนเดียวระวังความคิด 
ถ้ากำลังท้อ กำลังเหี่ยว ไปเติมพลังจากบรรยากาศซะ 


*******************************************************

สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับการ SP โดยคุณทอม

- การ SP ก็คือ การขาย ขายตัวเอง ขายแนวคิด ขายไอเดีย ขายโอกาส
- ธุรกิจเครือข่าย คุณค่าคือ การนำสิ่งดีๆ ไปแบ่งปัน มอบให้ผู้อื่น
- การให้ การแบ่งปัน ไ่ม่ใช่การยัดเยียด อย่าบังคับใคร
- เราเรียนรู้ Aimstar 100% แต่อย่าพูดเกี่ยวกับ Aimstar 100%
อย่าทำตัวเองเป็นมนุษย์เครือข่าย อะไรก็เข้าธุรกิจไปหมด
- จงเป็นคนสองฝั่ง เข้าใจตัวเอง ตอนยังไม่ตัดสินใจทำธุรกิจให้ได้
ว่าแต่ก่อนเราเคยคิดอย่างไร เราเคยรู้สึกอย่างไร ก่อนเข้ามาทำ

การพูด WIJ ที่ดี ต้องอธิบายให้เขาเข้าใจให้ได้ 
ว่าแต่ก่อนเราเคยคิดอย่างไร ... เราก็ "เคย" รู้สึกเหมือนกัน
แต่พอเราเริ่มคิดถึง "อนาคต" ... และเริ่มเข้ามา "เรียนรู้"
จนเริ่มรู้จักและเข้าใจ "Aimstar" มากขึ้น ว่าทำให้ "ตอบโจทย์ชีวิต" ได้
และวันนี้เรามี "วิธีการ" และ "ระบบ" ในการสร้าง "ความสำเร็จ" ให้กับคุณ

ถ้าอยากเรียนรู้และเก่งในการ SP
ทฤษฎี เป็นแค่ 10% ของความเข้าใจเท่านั้น
อีก 90% เป็นเรื่องของการเห็นและเรียนรู้ในภาคสนาม


เมื่อทำ Case กับ Upline สิ่งที่เราต้องสังเกตุมี 5 ข้อ ได้แก่

1. ลักษณะการถาม พูดคุย Chit Chat เพื่อสร้างความสัมพันธ์ก่อนเข้าเรื่อง 
สิ่งสำคัญคือ การเป็นผู้ฟังที่ดี เป็นกันเอง อ่อนน้อมถ่อมตน
ไม่ถือตัว ไม่โอ้อวด ... การสร้างรอยยิ้ม และทำให้เกิดเสียงหัวเราะได้

2. การเปิดใจ โดยใช้ Why I Join & Why Network
หลังจบ Case พยายามรีบ AAR กับ UL เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติม

3. ลักษณะการ Present ข้อมูลอย่างมืออาชีพ พูดในสิ่งที่ควรพูด
คุยในสิ่งที่เพื่อนใหม่อยากรู้ "เกาให้ถูกที่คัน" ไม่ต้องละเอียด หรือเป๊ะมาก
ไม่มีใครที่ฟังแผนครั้งเดียวแล้วเข้าใจตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ฟัง
ดังนั้นไม่เน้นคุยให้เคลียร์ แต่เน้นคุยให้คิดและเคลิ้มตาม 

การตอบข้อโต้แย้ง ต้องตอบอย่างสง่า เป็นผู้ฟังที่ดี ไม่ต้องตอบทุกคำถาม
รู้จักตอบคำถามด้วยคำถาม สรุปทวนคำถามให้เป็น
ตอบแบบเปรียบเทียบให้เป็น เช่น ธุรกิจเครือข่ายก็เหมือนมีด
อยู่ในมือโจรก็เป็นอาวุธ อยู่ในมือหมอก็เป็นเครื่องมือช่วยรักษาคน

สิ่งที่พึงระลึก เมื่อต้องตอบข้อโต้แย้งคือ
- ตอบได้ทุกคำถาม ไม่ใช่ว่าจะ SP ได้ / ตอบไม่ได้ ไม่ใช่ว่าจะ SP ไม่ได้
- อย่าตอบแบบให้อีกฝ่ายรู้สึกเสียหน้า ถ้าต้องพูดถึงอาชีพ พึงระวังว่า
ให้พูดถึงตัวเอง หรือบุคคลที่สาม อย่า Touching เสียดสี ดูถูก
อย่าตอบเพื่อเอาความสะใจ เพราะ Today say no. Tomorrow say yes
- ถอยให้เป็น เมื่อสถานการณ์ไม่เป็นใจ อย่า EQ หลุดต่อหน้าทีมงาน

4. การขายระบบ (การ ทำ 3P Promote คน/สื่อ/งาน)
พูดถึงลักษณะของคนสำเร็จว่า ต้องจัดเวลา ฟังสือ และเข้างานเพื่อเรียนรู้

5. การฝากแง่คิด การฉีดยาก่อนกลับ 
พูดถึงสิ่งที่เขาอาจไปเจอ แ้ล้วถ้าเขาเจอ เขาควรคิดอย่างไร? 
ก่อนได้ฟัง เขาคิดอย่างไร หลังฟังคิดอย่างไร?
ถ้าวันนี้ เราไปชวนใคร แล้วเขาไม่เห็นด้วย เขาอาจคิดเหมือนเราก่อนฟัง
ควรให้เวลาตัวเองศึกษาเรียนรู้และลองทำอย่างน้อย 3 เดือน สิ่งสำคัญคือ
ขอให้รับสายเวลา UL โทรหา ให้โอกาส UL ได้ช่วย
สิ่งสำคัญคือ พยายาม ไม่คิดลบ ไม่พูดลบ

สิ่งจำเป็นของเรา เวลาออกไปทำงานกับ โค้ช
1. Why I Join ฉบับ เปิดใจ + มีเป้าหมายที่มีกำหนดระยะเวลา
2. ความเป็นมืออาชีพ (การแต่งกาย+อุปกรณ์) อย่าใช้โอกาสเปลือง
3. การบอกข้อมูล ที่เราได้ Check FORM มาให้โค้ชได้รู้
4. หลังจบ Case ต้องทำการ AAR เพื่อเรียนรู้และประเมินกับโค้ช

การปิดสมัคร จำเป็นหรือไม่? ไม่มีถูกหรือผิด 
ไปให้หรือไปเอา กลับไปเช็คที่แนวคิด
ปิดสมัครเอาไว้ก่อน กลัวเขาเปลี่ยนใจ ไปสมัครกับคนอื่น
สรุปว่า เราไปให้โอกาส หรือเราจะไปเอาโอกาสจากเขา???

ธุรกิจ Aimstar มีกฎจรรยาบรรณ 
ไม่แย่งสายงาน ไม่ชวนย้ายสายงาน ถ้าเขาสมัครไปแล้ว ยังไม่หมดอายุ

มารยาทผู้นำ กรณีเจอคนที่มี คนมา SP แล้วหลายคน
กรณียังไม่สมัคร พูดอย่างไร ก็ไม่ผิดกฎจรรยาบรรณอยู่แล้ว
แต่ถ้าอยากเป็นเครือข่ายสีขาว เบื้องหน้าคือเกียรติยศ เบื้องหลังอย่าอัปยศ
พูดชมกลุ่มตัวเองได้ แต่อย่าพูดจู่โจม พูดลบใส่อีกฝ่าย
การยกตัวเองให้สูง ไม่จำเป็นต้องกดอีกฝ่ายให้จมลง 
จงเคารพการตัดสินใจ ทุกกลุ่มดีหมด สุดท้ายตัดสินใจอย่างไร
เราก็ยังคงเป็นเพื่อน เป็นพี่ เป็นน้องกัน

ถ้าถามว่า ปิดสมัครจำเป็นไหม? 
การปิดสื่อ ปิดรอบประชุมให้เขาได้มาดู สำคัญกว่า 

*******************************************

การติดตามเบื้องต้น โดย ว่าที่มนุษย์เงินล้านคนที่12 
Diamond Star น้องแคน สามารถ พระวิสัตย์


ทำอย่างไรเมื่อเจอ Star?
- ฝึกให้เงื่อนไข เวลาตื่นเต้น ให้กำลังใจเวลาท้อ
- Star อาจไม่ได้ชัดเจนมากในช่วงแรก แต่เขาจะชัดเจนขึ้นจากการติดตาม
- การพามา CT เราต้องรู้จักพา Star ไปแนะนำให้เขาได้รู้จัก
โค้ชที่เราทำงานด้วย / UL สูงในสายงาน / คนที่ Profile ใกล้เคียงกัน
- ทำให้ Star เกิด Case 2:1 เคสแรกให้เร็วที่สุด 
ให้เขาไปดูเพื่อศึกษาวิธีการทำงาน มากกว่าการคาดหวังผลลัพธ์
- ทำให้เกิด Case ถี่ๆ เร็วๆ เพื่อให้เขาเกิดทักษะให้เร็ว
- ดันให้ Star ขึ้นแชร์ประสบการณ์ใน CT 
- โทรตามสายลึกเองทุกเม็ด ขอเบอร์หลังจบเคสช่วยทีมงาน 
เพื่อช่วยโทรตามสื่อ เพราะคนที่มีทักษะดีที่สุดในองค์กรเรา คือเรา
- นัด Star นอกรอบ เพื่อสอนงานด้วยตัวเอง 
- SP ต่อเนื่อง จนกว่า จะเจอคนที่ชัดเจน

การลงไปช่วย Star ทำ Case
- นัดมาก่อนเวลา เพื่อช่วยเตรียมการ SP
- พูดให้ความเื่ชื่อมั่นว่า เขาก็ทำได้
- อย่าเบรคทีมงาน ในขณะที่เขากำลังทำการพูด SP
ยิ้มสู้ใ้ห้กำลังใจ และจดรายละเอียดที่อยาก ตัด/เติม เอาไว้
และพูดเสริม หรือช่วยแก้ไขให้ เมื่อมีโอกาส


****************************************************

หลังจาก SP แล้ว เราต้องตามอะไรบ้าง? โดยคุณทอม


กฎแห่งความสำเร็จ 
อยากลดน้ำหนัก ต้องเอาพลังงานเข้า น้อยกว่า ใช้พลังงานออก
อยาก Moving Up ใน Aimstar ต้องมีคนเข้าระบบ มากกว่า คนออกจากระบบ

1) ตามสื่อ คนใหม่ๆ Hotๆ มักทำเคสมากกว่า การเรียนรู้จากสื่อ
เราต้องตามให้เป็น ถามนำให้เป็น เช่น
- ฟังแ้ล้วได้อะไร ชอบตรงไหน ถามถึงจุดที่เราอยากให้เขาเข้าใจ
- เรียน+เรียน = เพี้ยน ทำ+ทำ = ช้ำ ต้อง เรียน+ทำ ถึง Success
- เติมสื่อใหม่เป็นระยะ ถ้าเรามีวินัยในการตาม ทีมงานมีวินัยในการฟัง
ก็จะเกิดผู้นำใหม่ได้ ถ้าทีมงานไม่มีวินัยในการฟัง หรือดูสื่อ
บางครั้ง ปัญหาอาจเป็นเพราะเราไม่มีวินัยในการติดตามสื่อที่ดีพอ

2) ชวนเข้ารอบประชุม ตามให้เป็น ถ้าเขามา CT ไม่ได้
เราอาจต้องจัด HM ชวนไปบริษัท ชวนเขาไปเจอ UL สูง

3) ชวนทำงาน ทำ Case ตั้งเป้าหมายอย่างไร แล้วตอนนี้ถึงไหนแล้ว
ชวนทำงานให้เป็นไปตามเป้าหมาย ถามถึงรายชื่อที่จะเกิดเนื้องาน
ตัดศึกภายใน สามี-ภรรยา / พ่อ-แม่ เขาไม่ทำไม่เป็นไร แต่อย่าให้เขาค้าน
ระบุวันว่างของเราเป็นช่วงๆ อย่าบอกเขาว่า เราว่างตลอดเวลา
ต้องกำหนดช่วงเวลา เพื่อช่วยกระตุ้น ให้เขาเกิดเนื้องานในช่วงนั้น

4) สอนงาน ถ้าคนยังไม่มีเนื้องาน แต่ตั้งใจ แต่ยังนัดคนไม่ได้
ให้เรานัดสอนงานเพิ่มเติม ให้ไอเดียในการนัดหมาย 
แต่ถ้าอยาก Move เร็ว เราจะรอแต่คนกลุ่มนี้ไม่ได้

- คนที่เริ่มเกิด Case เราต้องสร้างความเชื่อมั่น ให้เขา SP เองให้ไว
Trick เล็กๆ คือ ตอนเขาพูด เราอาจลุกไปห้องน้ำ หรือโทรศัพท์
เพื่อให้เขาลดความเกร็ง แล้วรีบกลับมาประคองสถานการณ์
- ให้วิธีการเขาในการติดตามรายชื่อที่คุยไปแล้ว
- การเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เป็นผู้นำในที่ประชุม
ค่อยๆ เติมเงื่อนไขความสำเร็จให้กับเขา เช่นการเปลี่ยนเครื่องแต่งกาย

5) การให้กำลังใจ สังเกตุและจับความรู้สึกทีมงานให้ได้
รักษาใจคนให้ได้ เป็นห่วงทีมงานอย่างจริงใจ
ทุกครั้งที่มีเคสในช่วง 1-2 อาทิตย์แรก ชมหรือปลอบเท่านั้น อย่าเพิ่งรีบปรับ
ต้องอธิบาย ธรรมชาติธุรกิจให้เขาเข้าใจให้ได้ 
เล่าประสบการณ์ของเรา หรือของคนสำเร็จให้เขาเห็นภาพ
ว่าเราก็เคยชวนแล้วถูกปฏิเสธ นัดแล้วโดน cancle
เคยมีคนตอบรับว่าจะมาร่วมงาน แล้วก็เบี้ยวไม่มา
ให้เขาเห็นว่า คนสำเร็จทุกคน เคยผ่านเรื่องพวกนี้มาก่อนแล้วเช่นกัน

เรื่องอื่นๆที่ควรคุย เช่น ตอบคำถามที่สงสัยเป็นระยะ
หมั่นโทรหากันและกัน ไม่ใช่รอให้ใครโทรหาแต่ฝ่ายเดียว
แล้วค่อยๆปรับมุมมอง ปรับแนวคิด ให้ใกล้เคียงความคิดคนสำเร็จ

ก็หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับพี่ๆเพื่อนๆน้องๆทุกคนนะครับ
My name is Prayuth Chatsakda and I'm Clover ^^

ติดตามบทความอื่นๆ ที่ตุ้มเคยสรุปได้ที่
tumtheclover.blogspot.com นะครับ

วันพฤหัสบดีที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2555

How to Moving Up โดย Golf&Note The Clover

Avatar
ตุ้ม The Clover582
สรุปเนื้อหาบางส่วน จาก เสวนา How to Moving Up
คุยกับ New Diamond Star พี่กอล์ฟ พัชช์ชภพ เสรีวิริยะกูล
และ New Emerald Star โน้ต ทิศวัฒน์ เลาหชัยยศ
โดย ผู้ดำเนินรายการ Diamond Star พี่รัฐ สรสุรัฐ วิสุโฆษ์วงษ์
สรุปโดย ตุ้ม The Clover

โน้ต : ถ้าอยากสำเร็จ ต้องผ่านเงื่อนไขต่างๆ สู่ความสำเร็จให้ได้
การแบ่งเวลาเพื่อเรียนรู้สำคัญมาก ตอนสมัยเป็นพนักงานประจำ
บางครั้งรู้ว่า เลิกงานแล้วรถติด จะมาไม่ทัน Center
ก็ตัดสินใจ จอดรถทิ้งไว้ แล้วนั่งมอเตอร์ไซค์มา Center
แล้วค่อยกลับไปเอารถที่ Office ลำบาก และเหนื่อย
แต่เข้าใจ และยอมรับได้ เพราะรู้ว่า การเรียนรู้ที่ Center
คือเงื่อนไขที่จำเป็นต่อการประสบความสำเร็จ

พี่กอล์ฟ : หลายๆคน ติดปัญหาที่การหารายชื่อ รายชื่อหมด
วันนี้ เราต้องรู้จัก เปลี่ยนพฤติกรรม เพื่อหารายชื่อเพิ่ม
ถ้าสิ่งที่เราทำอยู่ทุกวันนี้ ไม่ทำให้เราได้รู้จักใครใหม่ๆ
เราก็ต้องรู้จักเปลี่ยนที่กินข้าว เปลี่ยนไลฟ์สไตล์
ไปสถานที่ ที่ได้เจอคนเยอะๆ หาสังคมใหม่ๆ

เพราะวันนี้ งานในธุรกิจ แบ่งเป็น 4 ประเภท คือ
งาน A : การทำเคสส่วนตัว
งาน B : การออกไปช่วยผู้นำ
งาน C : การพัฒนาตัวเอง
งาน D : งานส่วนรวม งานส่วนกลาง
ช่วงแรกๆ เราจะทำงาน A และ C เยอะ เพราะยังไม่มีองค์กร
แต่พอเริ่มมีองค์กร เราจะเริ่มทำงาน B เยอะขึ้น งาน A ลดลง
พอเราเริ่มมีทักษะ เราจะเริ่มทำงาน D เยอะขึ้น งาน A ลดลง

ซึ่งจริงๆแล้ว งาน A เป็นงานที่เราห้ามหยุด ถ้าต้องการ Moving Up
เพราะวันนี้ การช่วยผู้นำที่ดีที่สุด คือการหาผู้นำใหม่ ลงไปซ้อนเขา
เราเป็นคนที่เก่งที่สุด ในองค์กรของเรา ดังนั้นเราต้อง Sponsor ต่อเนื่อง
เพื่อหาคนที่ใช่ คนที่เป็น Star ถ้างาน A เราเยอะ เราจะมีตัวเลือกเยอะ
เราจะสามารถลงไปช่วยคนที่ใช่ คนที่อยากสำเร็จได้จริงๆ
ไม่ใช่ไปยัดเยียดความอยากสำเร็จให้กับเขา เพราะเราไม่มีตัวเลือกให้ช่วย

องค์กรธุรกิจของเรา จะเติบโตได้ในช่วงแรก ถ้าเราดูดี
แต่องค์กรธุรกิจจะเติบโตต่อได้ เราต้องหา Star ที่ดูดี
การทำ House Meeting การทำ After Meeting ที่ดี
จะทำให้เราเฟ้นหา Star ดวงใหม่ๆ ได้
เราต้องหา Star ที่น่าสนใจ เพื่อลงไปทำ งาน B กับ Star คนนั้น

โน้ต : ถ้าเราเจอ Star สิ่งสำคัญคือ เราต้องลงไปช่วยทำเนื้องาน
ทำให้เกิด Loop งานให้ไว ให้เขาเกิด Case แรกให้ไว
เราจะเช็คได้จากการติดตามที่ดี หลังจาก Sponsor แล้ว
โทรไปติดตามดูว่าเขาดู Welcome แล้วหรือยัง?
ถ้าเขาเปิดใจ แล้วยอมรับเงื่อนไขความสำเร็จได้ ก็นัดคุยงานกัน
โดยคุณสมบัติ ของคนที่เราควรลงไปทำงานด้วย มี 4 ข้อ คือ
1. เป็นคนขยัน
2. เป็นคนที่อยากเปลี่ยนแปลงชีวิตให้ดีขึ้น
3. เป็นคนนิสัยดี ไม่เห็นแก่ตัว ไม่เอาเปรียบผู้อื่น
4. เป็นคนที่มีแรงบันดาลใจ มีความฝัน มีความหวัง
หากเราเจอคนที่มีคุณสมบัติครบ และเป็น Star ลงไปทำงานกับเขา
โดยเป้าหมายเขา วิธีการเรา และต้องรู้จักตั้งเงื่อนไขให้เป็น

พี่กอล์ฟ : Spirit + Skill สำคัญมาก ในการติดตามคน
วันนี้การพัฒนาผู้นำ เราต้องมีทักษะในการ Customize เป็น
ใส่ใจเป็น เลี้ยงดูเป็น เอาใจใส่ผู้นำ ให้เหมือนเราดูแลลูก
วันนี้ Aimstar คือการทำการตลาด ถ้าเราเจอกลุ่มเป้าหมาย
เราต้องรู้จักหาเหลี่ยม หามุม ในการเข้ากลุ่มนั้นๆ
ยกตัวอย่างเช่น พี่กอล์ฟ เจอกลุ่มพม่า รู้ว่า เลิกงานดึก
ก็ทำ Center รอบดึกขึ้นมา เพื่อรองรับ กลุ่มเป้าหมายกลุ่มนี้
พี่กอล์ฟ มีกลุ่มคนมีศักยภาพ ไฮเอนด์ ก็ชวนพี่นุ่น พี่จู๊ด
ทำ Exclusive HM บรรยากาศแบบสบายๆ ดูดี ขึ้นมารองรับ เป็นต้น

วันนี้ เชื่อว่า หลายๆคน รู้จัก ชัย ผู้นำชาวพม่า
ที่เข้ามาทำธุรกิจได้ไม่ถึงครึ่งปี ปัจจุบันเป็น Pearl Star
และเป็นว่าที่ Ruby Star ในเดือนตุลาคมนี้ ค่อนข้างแน่นอน
ซึ่ง ชัย นั้นมีคุณสมบัติที่ดีอยู่หลายๆ ข้อ โดยเฉพาะ 2 ข้อนี้ คือ
1) ชัย เป็นคนที่เชื่อ Upline โดยไม่มีเงื่อนไข แกล้งโง่ เชื่อทุกอย่าง
2) ชัย เป็นคนที่พูดให้ฟังครั้งเดียวแล้วรู้เรื่อง ทำตามเลยทันที
เช่น พี่กอล์ฟ บอกให้ชัยเปลี่ยนการแต่งกาย ให้ดูเป็นนักธุรกิจ
ชัยก็ไปหาซื้อสูทมาใส่ ตั้งแต่ตอนที่ชัย ยังคงทำงานเป็นพ่อครัวอยู่
ยังไม่เป็นแม้กระทั่ง Bronze Star แต่ชัย ก็ใส่สูทมา Center แล้ว
วันนี้ หลายๆคน บอกว่า เชื่อ Upline แต่บางคนก็แค่พูดว่าเชื่อ
แต่ไม่ได้ทำตามที่ Upline บอกจริงๆ

วันนี้ ทริป เมดิเตอร์เรเนียน อย่าคิดว่า เราไปได้หรือเปล่า
แต่ให้คิดว่า เราจะพาใครไปกับเรา เพราะถ้าเราพาเพื่อนเราไปได้
ซ้ายคนขวาคน เราก็ผ่านทริปนี้แน่นอน อย่าตั้งเป้าไปคนเดียว

ก็หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับพี่ๆเพื่อนๆน้องๆทุกคนนะครับ
My name is Prayuth Chatsakda and I'm Clover ^^

วันพุธที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2555

เทคนิค การพูด Why I Join ฉบับ 3 นาที


เทคนิค การพูด Why I Join ฉบับ 3 นาที
สรุปจากที่คุณทอมพูดใน คอร์ส Go to Ruby
และเฮียเตี่ยงพูดใน คอร์ส Go to Platinum Camp
มารวมกัน สรุปโดย ตุ้ม The Clover

1. ขาย Profile ตัวเอง (ประมาณ 1 นาที)
- ถ้าเราเป็นคน High Profile ต้องกล้าขาย Profile ตัวเอง
แต่ต้องรู้จักพูดแบบถ่อมตัว
- ถ้าเราเป็นคน Low Profile ต้องกล้าเปลี่ยนจุดอ่อน ให้เป็นจุดขาย
ว่าขนาดแบบนี้ยังทำได้ แล้วทำไมคุณจะทำไม่ได้

2. ให้มุมมองทางธุรกิจ (ประมาณ 30 วินาที)
ชี้ให้เห็นจุดอ่อนของงานที่เราทำ สิ่งที่ไม่ตอบโจทย์ชีวิตเรา
สิ่งที่ทำให้เราเห็นโอกาสทางธุรกิจของ Aimstar เช่น
เปรียบเทียบเรื่อง Active กับ Passive (ความแตกต่าง S กับ B)
การปลูกต้นไม้บนที่ดินคนอื่น กับการปลูกต้นไม้บนที่ดินตัวเอง
(ความแตกต่างระหว่าง E กับ B)

3. จุดเปลี่ยนจุดหักเห (ประมาณ 30 วินาที)
้ถ้าเราเป็นคนที่เคยปิดใจมาก่อน เล่าเหตุการณ์
แต่ไม่ต้องลง Detail เยอะมาก เรียงลำดับ Story ให้เหมือนการดูหนัง
ความรู้สึกครั้งแรก จุดเปลี่ยน ทำไมมาฟัง เราเปิดใจจากอะไร ?
คนชวน / สื่อ / สินค้า / งานต่างๆ / ภาพคนสำเร็จทางธุรกิจ
การเปลี่ยนแปลงของตัวเรา หลังจากเราเปิดใจ
(การเรียนรู้/การฟังสื่อ/การเข้างาน)

4. ผลลัพธ์ (ประมาณ 30 วินาที)
ลำดับขั้นความสำเร็จ หรือสิ่งที่เราได้รับจากธุรกิจ
พยายามพูดเป็นรายได้ อย่าพูดเป็นเข็ม เพราะคนใหม่ไม่รู้เรื่อง

5. สรุปจบ (ประมาณ 30 วินาที)
ให้แง่คิด และประกาศเป้าหมาย หรือสิ่งที่เราคาดหวัง
ใช้คำคม หรือแนวคิดดีๆ มาช่วยปิด

องค์ประกอบที่ช่วยให้การพูด Why I Join น่าสนใจขึ้น
การเปิดตัว / น้ำเสียงการพูด ต้องตื่นเต้น มีโทนเสียงขึ้นลง
eye contact กับผู้ฟัง / บุคลิกภาพ และการแต่งตัว

ก็หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับพี่ๆเพื่อนๆน้องๆ ทุกคนนะครับ
My name is Prayuth Chatsakda and I'm Clover ^^
ติดตามเนื้อหา บทสรุปเก่าๆ ที่ตุ้มเคยโพสต์ได้ที่
tumtheclover.blogspot.com ครับ

วันพุธที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2555

รอบผู้นำ: ทริปเมดิเตอร์เรเนียน

รอบผู้นำ สำหรับ คนที่อยากไป เมดิเตอร์เรเนียน
โดยคุณ ทอม ธเนศ ลีลาภรณ์ 3/10/55
สรุป โดย ตุ้ม The Clover

ข้อที่ 1 เคลียร์เงื่อนไขให้ไว
1.1 เรื่องของ PV มี 1,000 PV ส่วนตัวให้เร็ว
ขั้นต่ำมี User 1 คน และ คนทำธุรกิจเพิ่มขึ้น 1 คน
เคลียร์เงื่อนไข 2 Supervisor ลูกส่วนตัวให้ไว
ออกตัวให้เร็ว และแรง ตั้งแต่ต้นเดือน ทำให้ได้ในสัปดาห์แรก

1.2 เคลียร์สัมภาระ ปัญหาต่างๆ
ปัญหาที่บ้าน ปัญหาส่วนตัว ปัญหาเรื่องงาน ปัญหาเรื่องลูก
ฝนตกมาเซ็นเตอร์ไม่ได้ ? 
ทำงานประจำ ฝนตก 6 โมงเช้า เราก็ลุยฝนไปทำงาน

15 เดือนนี้ ไม่ใช่ แค่ ทริปเมดิเตอร์เรเนียน
แต่มันคือ รายได้ประมาณ 1 ล้านบาท

ข้อที่ 2 การสร้างทีมใหม่ขึ้นมา 
ปลดล็อคให้ได้ในเดือนนี้ ไม่ใช่แค่ลูกส่วนตัว 2 SV
หาคนที่อยากไปทริปเมดิเตอร์เรเนียนกับเรา ซ้าย3 ขวา3 สำหรับคนใหม่
ถ้าทำมาซักระยะแล้ว ก็บวกเพิ่มไปได้เลย ตามเหมาะสม
ควรมีลูกใหม่ส่วนตัว ประมาณ 5-10 คน เพื่อพาเข้างาน Convention
อาทิตย์แรก สำคัญมาก สำหรับการออกตัวเดือนนี้
เดือนแรก สำคัญมาก สำหรับการออกตัวทริปเมดิ

วันที่ 21 งาน Clover Convention 
คุณหมอพนินทร์ - เปิดด้วย Why Mediteranian ประวัติ Aimstar / Clover
คุณนุ้ก ธนสิทธิ์ - ตามด้วย Why Aimstar
ประสบการณ์จากผู้รับเข็ม Ruby Up ในปีนี้ 

ภาคบ่าย - คนที่ผ่านทริป South Africa ชัวร์ๆ ในปีนี้ ขึ้นแชร์
แล้วสรุปจบ ด้วย คุณทอม

เป้าหมาย คน 3 กลุ่ม ไปงาน Convention
ตั้งได้เหมือนกันทุกคน แต่การทำเนื้องาน จะทำให้ผลลัพธ์ต่างกัน
ถ้าอยากมี คนไป Convention 3 กลุ่ม จริงๆ
ต้องมีเนื้องานตั้งแต่ตอนนี้ เพื่อสะสมความเกรงใจ
เพื่อนัดงาน Convention โดยขอเขาว่า งานนี้ งานเดียว

ข้อที่ 3 บรรยากาศของ CT
รอบผู้นำ ไม่จำกัดเข็ม แต่จำกัดคุณสมบัติ 1,000 PV ส่วนตัว
เพื่อดูความตั้งใจจริง ของคนที่อยากไปเที่ยวเพื่อโตต่อ

ก็หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับพี่ๆเพื่อนๆน้องๆทุกคนนะครับ
My name is Prayuth Chatsakda and I'm Clover ^^

วันเสาร์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2555

การตั้งเป้าหมาย


Avatar
ตุ้ม The Clover438
2 สิ่งที่เราควรตั้งเป้าในชีวิต
หนึ่ง การได้ในสิ่งที่เราต้องการ
สอง การที่เราได้มีความสุขกับมัน
หลังจากที่เราได้สิ่งที่เราต้องการแล้ว
มีแต่คนที่ฉลาดเท่านั้นที่ได้ข้อที่สอง

*************************

เพื่อนๆ อ่านแล้วคิดอย่างไรกันบ้างครับ
สำหรับผมแล้ว อ่านแล้วนึกถึง สมการชีวิต 2 แบบ ในแฟ้ม SP ของเราเลย
คือจะมีบางกลุ่มที่ใช้ชีวิตแบบ 20-40-5 คือ เรียนยี่สิบปี ทำงานสี่สิบปี
แล้วก็มาใช้ชีวิตหลังเกษียณ 5 ปี แบบไม่มีแรง จะทำอะไรเท่าไหร่
ในขณะที่ คนบางกลุ่ม จะใช้ชีวิตแบบ 20-5-40 คือ เรียนยี่สิบปี ทำงานอย่างหนัก 5 ปี
เพื่อใ้ช้ชีวิตหลังจากนั้นตลอดชีวิต ในแบบที่ยังมีแรงให้ทำสิ่งต่างๆอยู่นั่นเอง

คนหลายๆคน เลือกจะใช้ีชีวิต ทุ่มเทให้กับการทำงานประจำอย่างหนักจนเกษียณ
แล้วพอเกษียณแล้ว มีเงิน มีเวลา แต่ไม่มีแรงใช้เงิน
บางคนยิ่งกว่า เกษียณแล้ว ไม่มีแรง เงินเก็บก็ไม่มี มีแต่เวลา

วันนี้ คุณอยากมี สมการชีวิตแบบไหนครับ 20-40-5 หรือว่า 20-5-40
อยากทำงานสบายๆ เพื่อลำบาก หรืออยากทำงานลำบาก เพื่อสบาย
เพราะหนทางสู่ความสบายนั้นแสนลำบาก หนทางสู่ความลำบากนั้นแสนสบาย

บางครั้งการที่เราเลือกที่จะเสียเวลา ไปกับการไปให้ถึงเป้าหมายของเราช้าเกินไป
กว่าเราจะได้เป้าหมายของเรามา เราอาจจะไม่ทันมีเวลาได้ชื่นชมกับมัน

ดังนั้น เมื่อคุณมีเป้าหมายแล้ว เลือกเครื่องมือที่ดี ที่ทำให้คุณถึงเป้าหมายได้เร็วที่สุด
เพื่อที่คุณจะได้มีเวลาชื่นชมกับความสำเร็จของคุณเอง และคุณจะได้มีเวลามากพอ
ที่จะแบ่งปันให้กับคนที่คุณรักและคนรอบตัวของคุณด้วยนั่นเอง

ฝันให้ไกล เมื่อเจอเป้าหมาย จงใส่เกียร์เดินหน้า อย่าหยุด จนกว่าจะถึงเส้นชัย

วันนี้ ผมเชื่อว่า เราทุกคนรู้สึกเหมือนกันคือ Aimstar ภายใต้ระบบ Clover System 745
เป็นเครื่องมือที่ดี ที่สามารถทำให้เราทำงานอย่างหนัก 5 ปี เพื่อมีเวลาไปใช้ชีวิตหลังจากนี้ได้
ดังนั้นเมื่อเรารู้แล้ว จงรีบพยายามไปให้ถึงเป้าหมายที่ตัวเองตั้งไว้ให้เร็วที่สุด
เพื่อจะได้มีเวลาชื่นชมกับความสำเร็จครับ และที่สำคัญที่สุดคือ
ถ้าคุณยังไม่ถึงเป้าหมายที่ตัวเองตั้งเอาไว้ อย่าเลิกเด็ดขาด
มุ่งมั่นทำต่อ ไม่มีคำว่าล้มเหลว หากว่าคุณไม่ล้มเลิก

เชื่อว่า สิ้นเดือนนี้ จะมีบางคนถึงเป้าหมายที่ตัวเองต้องการ
ซึ่งเป็นทางผ่านเพื่อจะมุ่งหน้าต่อไปสู่เป้าหมาย Passive Income
ในขณะที่บางคนจะไปไม่ถึงเป้าหมายที่ตัวเองตั้งไว้
แต่ไม่สำคัญว่าคุณจะถึงเป้าหมายหรือไม่
เพราะวันนี้ การก้าวไป สำคัญกว่าการก้าวถึง
การพยายามแล้วผิดหวัง ดีกว่าการผิดหวังเพราะไม่ได้พยายาม

เพราะทุกความพยายามอาจไม่ได้นำมาซึ่งความสำเร็จ
แต่ทุกความสำเร็จล้วนเกิดจากความพยายาม

เดือน กันยายน ตั้งเป้าหมายใหม่ มุ่งมั่นตั้งใจ ปรึกษาโค้ช
และอย่าเลิกจนกว่าจะสำเร็จใน เอมสตาร์
เพราะมันเป็นงานที่สามารถให้ข้อสองกับคุณได้
คือเมื่อสำเร็จเสร็จแล้วจบ ให้เวลาคุณมีความสุขกับชีวิตได้นั่นเอง
และที่สำคัญที่สุดคือ เมื่อคุณได้สิ่งที่คุณต้องการแล้ว
คุณยังสามารถแบ่งปันความโชคดีนี้ให้กับคนอื่นๆได้ด้วย
ออกไปแบ่งปันความโชคดีให้กับทุกคน
ให้สมกับสโกแกนของกลุ่มเราว่า "ใครเจอเราคนนั้นโชคดี"

My name is Prayuth Chatsakda and I'm Clover ^^

วันพุธที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2555

แนวคิด : Money Management 6jar

Avatar
ตุ้ม The Clover85
คำว่า อิสรภาพทางการเงิน คืออะไร ???
ถ้าให้แปล ให้เข้าใจง่ายๆ ก็คงหมายถึง
ชีวิต ที่สามารถอยู่อย่างมีอิสระในแบบที่เราต้องการ โดยไม่ต้องกังวลถึงเรื่องเงิน
คือมีรายรับมากกว่า รายจ่าย และมากพอจะให้เราใช้ชีวิตได้ใน Lifestyle ที่เราต้องการด้วย
ซึ่งคำว่า อิสระ ในที่นี้ ไม่ว่า คุณจะมีรายรับมากเท่าไหร่ก็ตาม
แต่หากคุณใช้จ่ายฟุ่มเฟือย สุรุ่ยสุร่าย จน รายจ่ายเยอะกว่ารายรับ
คุณก็ยังคงเป็นหนึ่งคนที่ไม่มีอิสรภาพทางการเงินอยู่ดี
ถ้าจะให้เปรียบเทียบให้ง่ายที่สุด คนที่มีอิสรภาพทางการเงิน ก็คือคนที่ปลอดหนี้ นั่นเอง

ทีนี้ ทำอย่างไรดี เราถึงจะเป็นคนที่มี Financial Freedom หรือมีอิสรภาพทางการเงินได้
อ้างอิง จาก หลักสูตร The Millionaire Mind Intensive ของ T.Harv Eker

5 Critical factors in the Financial Freedom Equation
= Working Income + Savings + Investments + Passive Income + Simplify

แปลเป็นไทย สูตรอิสรภาพทางการเงิน เท่ากับ
รายได้จากการทำงาน + เงินเก็บ + รายได้จากการลงทุน +
รายได้แบบ Passive (ไม่ต้องทำอะไร ก็ยังมีรายได้) + ใช้ชีวิตเรียบง่าย

รายได้จากการทำงาน ก็คือ รายได้แบบ Active Income รายได้ที่เราต้องทำ เพื่อให้ได้มันมา

เงินเก็บ ก็คือ เงินที่เรามีการสำรอง ออมเก็บเอาไว้ เพื่อใช้เป็นทุนสำรอง หรือเพื่อไว้เป็น
หลักประกันความมั่นคง ซึ่งต้องมี มากพอ ในระดับหนึ่ง

รายได้จากการลงทุน ก็คือ รายได้แบบ เงินต่อเงิน ใช้เงินทำงาน เช่น
ฝากธนาคาร หรือลงทุนในกองทุนต่างๆ เพื่อให้เกิดผลกำไร หรือเงินปันผล

รายได้แบบ Passive ก็คือ รายได้แบบ ที่เราสามารถหยุดทำงานได้ แต่รายได้ไม่หยุด
คือเป็นรายได้ที่เกิดจากทรัพย์สินต่างๆ ของเรา นั่นเอง

ใช้ชีวิตเรียบง่าย ก็คือ การที่เรารู้จัก ใช้จ่าย ให้พอเพียงกับ ระดับรายได้ของเรา
ไม่ใช้จ่ายเกินตัว ไม่ใช้รายจ่ายเกินรายรับของเรานั่นเอง

สิ่งที่ทำให้ คนรวย แตกต่าง จาก คนจน ในเรื่องของเงิน คือ
คนรวย มักจะเก่ง ในเรื่อง การบริหารจัดการเงินของพวกเขา

ผู้ที่มั่งคั่งร่ำรวย ไม่ได้เป็นคนที่ ฉลาดกว่า พวกเขาแค่มี นิสัย ในการบริหารเงินที่ดีกว่า
การบริหารจัดการเงิน ไม่ใช่การจำกัดอิสรภาพ แต่เป็นการส่งเสริมให้เรามีอิสรภาพทางการเงิน

ส่วนที่สำคัญที่สุด สำหรับการบริหารจัดการเงิน คือ การแบ่งแยก
แบ่งแยกรายได้ของเราไปเก็บในบัญชีต่างๆ สำหรับ การใช้จ่าย ตามวัตถุประสงค์ที่ต่างกัน

Money Management หรือวิธีบริหารเงินที่เรียบง่ายที่สุด และทรงประสิทธิภาพที่สุด
เราต้องแบ่งเงินออกเป็น 6 บัญชี ได้แก่

1. Financial Freedom Account : FFA บัญชีเพื่ออิสรภาพทางการเงิน 10%
เราจะไม่มีวันนำเงินในบัญชีนี้ไปใช้ แนวคิด คือ นิทานเรื่อง ห่านที่ออกไข่เป็นทองคำ
เราต้องสร้าง ห่านทองคำ เพื่อให้ออกไข่ทองคำออกมา
เมื่อเราหยุดทำงาน เราจะต้องใช้เงินที่ได้มาจากไข่ทองคำ ไม่ใช้เงินจากห่านที่ออกไข่เป็นทองคำ

2. Long Term Saving for Spending : LTSS บัญชีสะสมทรัพย์ระยะยาวเพื่อใช้จ่าย 10%
คือเป็นบัญชีที่เราเก็บสะสมเอาไว้ เพื่อใช้จ่ายหลังจากที่เราเกษียณ หรือ ใช้เมื่อเราจำเป็นนั่นเอง

3. Education Account : EDUC บัญชีเพื่อการศึกษา 10%
ซึ่งเป็นบัญชีที่สำคัญที่สุดบัญชีหนึ่ง คนร่ำรวย จะลงทุนในการเรียนรู้เพิ่มเติมอยู่เสมอ
เพราะถ้าวันนี้ เราไม่เติบโตขึ้น นั่นแปลว่าเรากำลังจะตาย
คนร่ำรวยจะไม่เคยคิดว่าตัวเองรู้แล้ว แต่จะหาทางเพื่อให้ตัวเองรู้เพิ่ม

4. Necessities Account : NEC บัญชีเพื่อค่าใช้จ่ายที่จำเป็น 55%
ถ้าคุณไม่สามารถใช้ชีวิต จ่ายค่าใช้จ่ายที่จำเป็นต้องจ่ายเพื่อการดำรงชีวิต เช่น
ค่าเช่าบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเดินทาง ค่าอาหาร ค่ายารักษาโรค ค่าครองชีพอื่นๆ
จาก 55% ของรายได้ที่คุณได้รับ คุณมีสองทางเลือก
1)เพิ่มรายได้ของคุณให้มากขึ้น 2)ใช้ชีวิตให้เรียบง่ายขึ้น

5. Play Account บัญชีใช้จ่ายเล่น 10%
กฎ : คุณต้องใช้เงินในบัญชีใช้จ่ายเล่น ทุกเดือน หรือ ทุกไตรมาส
เพื่อให้รางวัลกับตัวเองบ้าง สร้างสีสันให้ตัวเองบ้าง

ุ6. Give Account บัญชีเพื่อการให้ 5%
หมายเหตุ : คุณสามารถเพิ่มเงินในบัญชีการให้เป็น 10% หรือมากกว่าได้
โดยส่วนเกินที่จะนำมาคุณต้องนำมาจากบัญชีค่าใช้จ่ายที่จำเป็น หรือ NEC

วิธีการบริหารที่ดี คุณจะต้องแยกเก็บเงินแต่ละส่วนเอาไว้แยกจากกันเป็นคนละบัญชีธนาคาร
เมื่อคุณมีรายได้เข้ามา ให้คุณนำเงินที่ได้ ลงไปในบัญชีส่วนกลางหนึ่งบัญชี
แล้วทำธุรกรรมทางการเงิน เพื่อโอนเงิน ไปยังบัญชีที่แยกไว้แต่ละประเภททันที

แนวคิดที่สำคัญมาก คือ ไม่ใช่ว่า "เมื่อฉันมีเงินมากขึ้น ฉันจึงจะเริ่มบริหารจัดการเงิน"
แต่เป็น "เมื่อฉันมีการบริหารจัดการเงิน ฉันก็จะเริ่มมีเงินมากขึ้น"

กฎของจักรวาลในการบริหารคือ
ถ้าคุณไม่แสดงให้เห็นว่าคุณดูแลเงินได้ คุณก็จะไม่มีวันได้รับเงินมากขึ้น

ลักษณะนิสัยของการจัดการเงิน เป็นสิ่งที่สำคัญกว่า จำนวนเงินที่บริหาร

กฎแห่งความมั่งคั่งข้อที่ 1 : จ่ายเงินให้ตัวเองก่อนเสมอ ใ่ส่เงินเข้า FFA เป็นบัญชีแรก
คนถังแตก จะใช้กลยุทธ "ที่เหลืออยู่"
พวกเขาจะจ่ายเงินให้คนอื่นก่อน ค่อยลงทุน หรือ ออมเงิน ส่วนที่เหลือ
คนมั่งคั่ง จะใ้ช้กลยุทธ "จ่ายให้ตัวเองก่อน"
พวกเขาจะลงทุนก่อน หรือออมเงินก่อน แล้วค่อยใช้จ่าย จากส่วนที่เหลือ

เหตุผลหลักของการทำงานของคนถังแตก คือ
ทำงานเพื่อหาเงินใช้จ่ายในการดำเนินชีวิต เลี้ยงชีวิต
เหตุผลหลักของการทำงานของคนมั่งคั่ง คือ
ทำงานเพื่อหาเงินสำหรับใช้ลงทุน และสร้าง ธุรกิจที่สร้างรายได้แบบ Passive

พึงระลึกอยู่เสมอว่า ธุรกิจนอกเวลาอย่างหนึ่งของเราคือ
การบริหาร และการลงทุนในเงินของเรานั่นเอง

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ต้องการ Passive Income สิ่งที่คุณต้องทำคือ
1. ใช้เวลา 20-30 นาทีต่อวัน เพื่อ เรียนรู้เกียวกับการลงทุน
2. ลงทุน
3. ทำงานเพื่อสร้างท่อส่งของ Passive Business Income สร้างห่านที่ออกไข่เป็นทองคำขึ้นมา

เป็นเนื้อหาบางส่วนจากที่ผมได้ไปเรียนมาจากคอร์ส MMI ของ T. Harv Eker
ก็หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับพี่ๆเพื่อนๆน้องๆทุกคนนะครับ
My name is Prayuth Chatsakda and I'm Clover ^^

วันพุธที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2555

คอร์ส The Utmost 10 Fit&Firm Talent # 3 15/8/55

เก็บตก คอร์ส Utmost 10 #3 15/8/55 โดย ตุ้ม The Clover

การคำนวณพลังงาน ถ้าเรา รับเข้าไปน้อย หรือ เบิร์นพลังงานออกไปเยอะ
กว่า จำนวนพลังงานที่เราต้องใช้ในแต่ละวัน ตามค่า BMR ประมาณ 7000 k cal 
เราจะลดน้ำหนักไปได้ประมาณ 1 กิโลกรัม ... แต่จากประสบการณ์แล้ว
เวลาเราคำนวณได้เท่าไหร่ ให้หารสอง เช่นเราคิดว่า เรากำไร 7000 k cal
แต่จริงๆ เราจะกำไรแค่ประมาณ 3500 k cal ลดได้จริงๆ ประมาณครึ่งกิโล

Professional Grooming โดย คุณ พลพัฒน์ อัศวะประภา เจ้าของแบรนด์ดัง asava
และ Personal Stylist ชื่อดัง

Trend คือ สิ่งที่กำหนดโดยคน และเปลี่ยนแปลงอยู่เรื่อยๆ เป็นสิ่งไม่มีตัวตน
Style คือ เรื่องราวของความเป็นจริง คนที่อยากพัฒนาบุคลิกภาพ 
ต้องสนใจเรื่องของ Style มากกว่า Trend และเราต้องเรียนรู้ และเปลี่ยนแปลงตัวเอง

You are your brand เราคือทรัพย์สินของตัวเรา การแต่งตัว การพูดจา การวางตัวของเรา
เพราะคนเราจะตัดสินคนอื่นครั้งแรกจากสิ่งที่เราเห็นเป็นครั้งแรก จากสิ่งที่เกิดขึ้นใน 5 นาทีแรก
หรือที่เราเรียกกันว่า First Impression นั่นเอง ซึ่งจะเป็นสิ่งที่ติดตาตรึงใจ อยู่ในสมอง
เมื่อเกิดขึ้นแล้ว การจะเปลี่ยน Perception (การรับรู้) อีกครั้ง เป็นสิ่งที่ยากมาก

Clothes as brand attribute

- Know your audience คำว่าสวย เป็นเรื่องนามธรรม แต่ละคนชอบไม่เหมือนกัน 
เราแต่งตัวอย่างไร มันคือการรู้ว่าเราจะไปเจอใคร ไปสมัครงาน ก็ต้องแต่งตัวให้เรียบร้อย
ไปออกเดท ก็ต้องแต่งตัวให้ดูเท่ ดูเซ๊กซี่ ไปออกกำลังกายก็ต้องแต่งตัวให้ทะมัดทะแมง
มันคือสิ่งที่คนไทยรู้จักกันในคำว่า แต่งตัวให้ถูกกาลเทศะนั่นเอง

- Know your destination เราจะไปที่ไหนบ้าง เพราะใน 1 วัน เราคงไ่ม่ได้อยู่ที่เดียว
- Know your brand ก่อนที่เราจะบริโภค Trend ตาม Fashion เราต้องรู้จักคุณสมบัติภายนอก
บุคลิกของตัวเราเองก่อนว่าเป็นคนแบบไหน เหมาะกับแบบไหน Comfortable with your skin
- เราต้องรู้จักเลือกสิ่งต่างๆ มาย่อยสลายแล้วใช้ให้เกิดประโยชน์กับตัวเราให้เป็น (เลือกให้เป็น)
ที่สำคัญคือต้อง Realistic ใช้ได้จริง และราคาพอเหมาะกับฐานะ ความเป็นอยู่ ของเรา

Approach 
1) Cleanliness สุขลักษณะส่วนตัวของเรา ผม เล็บ กลิ่นตัว กลิ่นปาก เป็นสิ่งที่ต้องสนใจ
เป็นอันดับแรกของเรา ควรให้น้ำหนัก ประมาณ 40%
2) Appropriateness (Dress Code) ถูกกาลเทศะ 40%
3) Trend แต่งตัวตามแฟชั่น 20%

Be a Professional (มืออาชีพในการใช้ชีวิต)
1) Adopt or Die เมื่อคุณเรียนรู้สิ่งที่จำเป็นต้องใช้ในชีวิตของคุณแล้ว 
คุณก็มีอยู่ 2 ทางเลือก คือ นำไปปรับใช้ หรือ ไปตายซะ !!! 
2) Company Rules not yours เมื่อเราทำงานอะไรก็ตาม พึงระลึกเสมอว่า
สิ่งที่เราต้องทำคือ ทำตามกฎของบริษัท ไม่ใช่ ความชอบส่วนตัวของเรา
3) Invest in career ลงทุนกับสิ่งที่คุณทำ
ถ้าคุณอยากรูปร่างดี ก็ต้องเลือกบริโภค ถ้าคุณอยากได้ผลประโยชน์ก็ต้องลงทุน
อยากเป็นคนที่มีบุคลิกดี ก็ต้องรู้จักใส่ใจเรื่องต่างๆ บริหารจัดการเรื่องต่างๆให้ได้
- Time บริหารเวลาในการแต่งกายให้ดี เริ่มจาก การบริหารตู้เสื้อผ้า จัดระเบียบเสื้อผ้า
ให้เป็น Categories ต่างๆ เพื่อสะดวก และประหยัดเวลาในการเลือกเครื่องแต่งกาย
- Effort เราต้องมีแรงบันดาลใจที่ดี มีเป้าหมายในการทำสิ่งต่างๆ
- Money รู้จักบริหารการเงินให้ดี เลือกเครื่องแต่งกายให้สมฐานะ อย่าใช้เงินเกินตัว

การแต่งตัวที่ดี ควรจะเป็น การแต่งตัวที่ดีแบบ H to T ... Head to Toe ตั้งแต่ หัวจรดเท้า นั่นเอง

Dress Code

- Formal 
White Tie งานราชพิธีต่างๆ คนทั่วไป ปกติไม่จำเป็นต้องแต่ง
ฺBlack Tie ผู้ชาย หูกระต่ายสีดำ สูทเข้มสีดำ ผู้หญิง ราตรียาว ปิดตาตุ่มเท่านั้น
Business Attire สูทสีเข้ม แต่สีอื่นได้บ้าง เช่นเทาเข้ม มีลวดลายได้บ้าง ผู้หญิง ชุดเดรส สั้นยาว ก็ได้
Business Suit เสื้อกางเกงที่เป็นเนื้อผ้าเดียวกัน 

- Smart Casual
เสื้อเชิ้ต กางเกงแสล๊ค มี Jacket เป็น Separate Dress ได้ ไม่ต้องเป็นเนื้อผ้าเดียวกัน

- Casual
คำว่า ตามสบาย บางครั้ง มันก็ไม่ควรตามสบายเกินไป ควรมีความเป็น Professional อยู่ด้วย
เสื้อยืดโปโล คอปก หรือเสื้อเชิ้ตแขนสั้น กับ กางเกงยีนส์แบบดูดี ไม่ขาด รองเท้า Casual แบบดูดี

Do ข้อควรปฏิบัติในการแต่งตัว
- Obey the rules ทำตามกฎ
- Never show your midriff ไม่ควรโชว์ส่วนกลางลำตัว 
- Avoid revealing too much cleavage อย่าโชว์บริเวณหน้าอกมากเกินไป
- Keep your straps under wrap อย่าโชว์สายบรา
- Don't wear anything see-through (without lining) อย่าสวมใส่ชุดซีทรู แบบไม่ีมีซับใน
- Keep your hemlines in cheek (2inches above knee) 
ชายกระโปรง ไม่ควรอยู่สูงกว่าเข่าเกิน 2 นิ้ว เพราะเวลานั่ง มันจะร่นขึ้นไปอีก
- Jean and T-Shirt never look professional 
กางเกงยีนส์และเสื้อยืดคอกลม ไม่เคยทำให้ใครดูเป็นมืออาชีพ
- Use your best Judgement ถ้าสายตาของเรา ถามว่า ที่เราแต่งอยู่เยอะไปไหม โป๊ไปไหม
ให้เชื่อสายตาตัวเองที่ปกติเข้าข้างตัวเราอยู่แล้วว่า ถ้าเราเกิดคำถาม ว่าโป๊ไปไหม แสดงว่าโป๊ชัวร์
ดังนั้นไปเปลี่ยนซะ ... เสื้อผ้าที่ไม่ควรใส่ too fit , too shiny , too short สั้นๆ เงาๆ ฟิตๆ
- Don't get too wacky อย่าแต่งตัวประหลาด แหวกแนวจนเกินไป
- Too polite is OK . เสื้อผ้าที่สุภาพเกินไป ไม่มีข้อเสียอะไรทั้งนั้น
- The Right Care การดูแลอย่างถูกต้อง และพอเหมาะพอควร ไม่เว่อร์จนเกินไป

สุดท้าย ที่ฝากเอาไว้คือ *** If you're so smart why you dress so stupid ***

ก็หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับ พี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ทุกคนนะครับ
เชื่อว่า อ่านจบแล้ว ทุกคนจะเข้าใจ และนำไปปรับใช้ กับ 3 วินัย ได้เป็นอย่างดี
กับข้อที่ว่า Why แต่งตัวดี? เพราะเราต้องเป็น Professional และ You are your brand นั่นเอง
My name is Prayuth Chatsakda and I'm Clover ^^