Tom Founder18550
‘การมีมิตร ย่อมดีกว่ามีศัตรู’ แต่ผม แพท พัชรพงษ์ สุนทรเจริญวงศ์’ ไม่ต้องการมิตร และในชีวิต ไม่เคยกลัวศัตรู’ ผมเป็นคนที่มีนิสัยหยิ่ง พูดจาขวางโลก ชอบดูถูก และเกลียดผู้คน ผมเชื่อว่าชีวิตของลูกผู้ชายที่แข็งแกร่งนั้น ต้องทรนง ด้วยนิสัยแย่ๆ แต่ผสมผสานด้วยความมั่นใจ วันที่ผมจบการศึกษา ผมได้รับทุกสิ่งที่ต้องการ ปริญญา เกียรตินิยม ได้เริ่มงานที่ชอบทันที ความมั่นคง ยกเว้นสิ่งเดียว ‘เพื่อน’

3 ปีที่แล้ว มีคนมาชวนผมไปฟังธุรกิจเครือข่าย ผมไปโดยไม่คิดมาก เพราะแต่เดิมคิดว่างานประจำและเงินเดือนหลักหมื่น ไม่คู่ควรกับความสามารถ ค่าเล่าเรียนต่างประเทศ และค่าเรียนโรงเรียนนานาชาติที่ครอบครัวส่งเสียหลายล้านบาท ผมอยากมีธุรกิจส่วนตัวและมีรายได้ให้คุ้มค่าตัว ในวันนั้น ผมได้ฟังประวัติคนที่ประสบความสำเร็จรายได้หลักแสนต่อเดือนทั้งๆที่จบแค่ ป.4 จึงคิดง่ายๆว่า เรามีโอกาสเรียนสูงกว่าตั้งเยอะ ทำไมเราจะทำไม่ได้ ผมตัดสินใจสมัครและซื้อของชุดเริ่มต้นทันทีหลังฟังจบ

แต่การเริ่มต้นของผมนั้นไม่ได้ราบรื่น ผมไม่เข้ารอบประชุม เพราะขี้เกียจรำคาญ มีโค้ชที่ปรึกษามาช่วยแนะนำ ผมก็ปิดโทรศัพท์ไม่รับสาย ผมคิดว่าธุรกิจง่ายๆแบบนี้จะต้องมีพิธีการอะไรนักหนา จากคนที่มีรายชื่อน้อยอยู่แล้วเพราะไม่เคยทำดีกับใครไว้ ยังอีโก้สูง ไม่ยอมเรียนรู้ ทำให้ผมโทรนัดใครไม่ได้เลยแม้แต่คนเดียว พอใกล้สิ้นเดือน ด้วยกลัวเสียหน้า ผมขอร้องคุณแม่และญาติๆมาช่วยกันซื้อของช่วยทำยอด ทำให้สิ้นเดือนผมก็มีรายได้ 12,000 บาท โดยที่ไม่มีใครที่สมัครเข้าระบบ ดีใจได้วันเดียว คุณพ่อรู้ว่าผมทำเครือข่าย ท่านโกรธมากและบังคับให้ผมเลิก พอผมไม่เลิก เบี้ยเลี้ยงผมจากทางบ้านถูกตัดทั้งหมด และเราพ่อลูกก็ไม่คุยกันเกือบปีเลยทีเดียว หลังจากนั้นคนของคุณแม่ที่เคยเกรงใจซื้อของก็ไม่รับสายโทรศัพท์ หลบหน้าหลบตา เดือนที่ 3 รายได้หลักหมื่นเหลือหลักร้อย ผมอยู่แบบชวนใครไม่ได้ อายคนอื่น ไม่มีเงินจากทั้งที่บ้านและธุรกิจ เป็นช่วงเวลาชีวิตที่สิ้นหวังมากๆถึง 4เดือนเต็ม

ชวนคนตั้งเยอะ ไม่มีใครเค้าจะทำ ซื้อของหลายหมื่นยังไม่เห็นว่าจะคุ้มเลย ชีวิตดีอยู่แล้วต้องมาอายคน ต้องมาทะเลาะกับพ่อตัวเอง ซวยจริงๆ มาถึงตรงนี้ หากผมตัดสินใจเลิกทำ ผมคงจะกลายเป็นหนึ่งในสมาคมแอนตี้เครือข่าย โพสท์ด่าธุรกิจในอินเตอร์เน็ทในฐานะเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย เหมือนที่หลายๆคนทำ แต่ผมมีความคิดที่ว่า แล้วคนที่ไม่ได้โอกาสเรียนหนังสือ ทำไมเค้าทำได้ ทั้งๆที่เราเกิดมาพร้อมกว่า หรือจริงๆแล้วที่ผ่านมาเราแค่จริงจัง แต่ยังไม่ถูกทาง เกมทุกเกมมีกติกาและเงื่อนไขของมัน ต่อให้ตั้งใจ แต่ถ้าเล่นนอกเกมมันจะไปชนะได้อย่างไร ผมตัดสินใจยังไม่เลิก ยอมถอยหนึ่งก้าว โทรหาโค้ชที่ปรึกษาของผม และถามเค้าว่าผมต้องทำอะไรบ้างจะได้หลักแสน หลังจากได้คุยกัน ผมให้สัญญา 2 ข้อ คือจะตั้งใจศึกษา เรียนรู้สื่อดีวีดีทุกแผ่นที่โคลเวอร์กรุ๊ปมี เรียนหมอเรียนวิศวะยังเรียนกันหลายปี จะจบโทให้เงินเดือนเริ่มต้นที่สองหมื่นยังต้องเรียนต่อแพงๆอีกสองปี ผมจะทำธุรกิจหลักแสน ถ้าไม่เรียนรู้อะไรใหม่ๆบ้าง เส้นทางนี้คงจะไม่ง่าย ข้อที่ 2 ไม่ขาดรอบประชุม งานที่เงินเดือนเดือนละหมื่นกว่าบาท เข้าเช้าออกมืด ทำงาน 5-6 วันในหนึ่งสัปดาห์ ผมยังเข้าได้ไม่กล้าขาด นี่ผมอยากได้ความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ ที่ผ่านมาทำแบบขอไปที เข้าประชุมบ้างไม่เข้าบ้าง เมื่อเราไม่ให้เกียรติงาน งานนี้คงไม่ให้เกียรติเรา

หลังจากลองฟังสื่อและเข้าระบบติดกันหนึ่งเดือน ฟัง จด ทวน พูด ทำซ้ำ ทั้งในและนอกรอบ ทัศนะคติต่อผู้คนผมเปลี่ยนไป งานที่ต้องทำกับคน ถ้าไม่มีใจรักผู้คนคงทำไม่ได้ เมื่อรู้สึกดีแล้ว ผมเริ่มฝึกซ้อมการคิดและพูดตามหลักคำแนะนำของสื่อ เปลี่ยนแปลงตัวเอง เสื้อผ้า หน้าผม กระทั่งสีหน้า แววตา รอยยิ้ม ท่าทาง ผมได้ทักษะที่สามารถนัดคน เคลียคำถาม ติดตาม และพาคนเข้าระบบได้อย่างมืออาชีพ ผ่านไป 3 เดือน ผมได้รายได้ 14,000 บาท หนึ่งปีผ่านไป มีรายได้ 100,000 บาทแรกได้ ปัจจุบันผมมีรายได้อยู่ที่ 160,000 บาทต่อเดือน พร้อมซื้อรถเบนซ์สปอร์ต มูลค่า 4 ล้านบาทเป็นของขวัญวันแม่ให้คุณแม่ ได้เที่ยวรอบโลกจากธุรกิจนี้มากกว่า 9 ประเทศ ไม่นาน คุณพ่อกับคุณแม่ได้เปิดใจสมัครเข้ามาทำธุรกิจด้วย จนได้รายได้ 100,000 บาทแรกภายใน 3 เดือน และได้เที่ยวต่างประเทศร่วมกัน แต่สิ่งที่น่ายินดีคือ หลังจากเปิดใจให้ผู้คน ปัจจุบัน ผมได้พบเพื่อนใหม่ดีๆในโคลเวอร์กรุ๊ป มากกว่าจำนวนเพื่อนรวมกันทั้งชีวิตเสียอีก

ธุรกิจนี้ไม่ได้ยากที่ต้องคุยกับคนเยอะ แต่มันยากที่จะต้องคุยกับตัวเองให้จบ ว่าเราพร้อมจริงจังแค่ไหน

1. เกมทุกเกมมีกติกาและเงื่อนไขของมัน ธุรกิจนี้ก็เช่นกัน ก่อนจะบอกว่าเราทำไม่ได้ ขอให้เปิดใจเรียนรู้กติกาและลองเล่นตามรูปแบบของเกมนั้นเสียก่อน คุณจะรู้ว่ามันชนะได้ไม่ยาก
2. เมื่อตัดสินใจเริ่มแล้วต้องจริงจัง นักกีฬาที่เก่งยังต้องฝึกวันละ 8 ชั่วโมง ผู้บริหารบริษัทใหญ่ๆทำงานวันละ 10-15 ชั่วโมง เมื่อเรารักและจัดเวลาทุ่มเทให้งานที่ทำ งานก็จะรักและตอบแทนเรา
3. สุดท้าย คนที่วิ่งไปไม่ถึงเส้นชัยนั้นไม่มี มีแต่คนที่ล้มเลิกและออกจากลู่วิ่งไปก่อน ผมเคยท้อแท้และเหนื่อยล้าเช่นเดียวกับคนทั่วๆไป แต่ธุรกิจนี้ไม่มีที่ 1 2 3 ทุกคนที่สามารถยืนหยัดจนเข้าเส้นชัยได้มีแต่ ‘ผู้ชนะ’ ในธุรกิจที่ใครๆก็ทำได้ มันไม่สำคัญว่าคุณล้มกี่ครั้ง แต่คุณเข้าเส้นชัยได้ครั้งเดียวเท่านั้น คุณจะเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ทันที ขอให้ทุกคนโชคดี และพบกันที่เส้นชัยของคนสำเร็จครับ
เมื่อวันที่ 24 กันยายน เวลา 15:06 น.