Tom Founder18550
ผมจักพงศ์ เรืองฤทธิ์ (ปอย) เติบโตที่พิจิตร เรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์ ภาคอุตสาหการที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ผมแทบไม่มีอะไรโดดเด่น การเรียนพอถูไถ(เกรดนิยม) ผมพูดน้อยมาก ขี้อาย ไม่กล้าแสดงออก จนคนรอบข้างมักจะแซวผมบนโต๊ะอาหารเสมอๆว่า “ปอยมึงลืมเอาปากมาหรอ” เพราะผมไม่ค่อยคุยกับใคร แต่สิ่งที่ผมคุยมากกว่าคน ก็คือการนั่งคุยกับคอมพิวเตอร์ (เล่มเกมส์ออนไลน์)
ส่วนตัวนุ้ย เป็นคนโคราช จบคณะวิทยาการจัดการสาขาการตลาดที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น อยู่ในกรอบ เรียนจบ3ปีครึ่งด้วยเกียรตินิยมอันดับ2 นุ้ยทำกิจกรรมองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยเกือบหมดต่างจากผมทุกอย่าง แต่ที่นุ้ยเหมือนผมคือพูดน้อย พูดไม่เก่ง บ้านผมขายของโชว์ห่วย บ้านนุ้ยเปิดปั๊มน้ำมัน
เราสองคนถูกครอบครัวสอนตั้งแต่เด็กๆทั่วไป คือให้ตั้งใจเรียนและหางานประจำที่มีรายได้ดีๆ เราจึงตัดสินใจเลือกทำงานประจำที่รับเราเป็นที่แรก เป็นบริษัทโรงงานกระดาษในจังหวัดปราจีนบุรี ทำให้ที่บ้านอุ่นใจที่เราได้งานประจำทำ ผมได้รู้เลยว่าการหาเงินด้วยตัวเองลำบากมาก มันทำให้เราได้นึกย้อนไปในช่วงที่ชีวิตเราสบาย แสดงว่ามีใครบางคนลำบากหาเงินมาให้เรา
ผมตั้งเป้าหมายกับตัวเองอยากให้ครอบครัวที่ต้องทำงานหนักวันละ 18 ชั่วโมง ตื่นตี 3 มาเปิดร้านปิดร้าน 3 ทุ่มทุกวัน ไม่มีวันหยุด ไม่มีวันเที่ยว ขายมาตั้งแต่อายุ 20 ถึง 60 ขายมาเกินครึ่งชีวิต หลังๆต้องมาเจ 7-11, Lotus มาเป็นคู่แข่งอีกยิ่งลำบาก ดังนั้นผมจะต้องมีรายได้ที่มากพออย่างน้อย 1 แสนบาทต่อเดือนก่อนอายุ 30 ปีให้ได้
ผมใช้เวลาทำงานประจำอย่างหนักใน 2 ปีแรกได้รับเงินเดือนเพิ่มเป็น 40,000 บาท เค้าบอกว่าถ้าอยากรู้อนาคตว่างานที่เราทำอยู่จะเป็นยังไง หมอดูที่แม่นที่สุดในตอนนั้นก็คือ “หัวหน้างาน” ซึ่งต้องใช้เวลาในงานประจำอีก 10-15 ปี จึงจะถึงเป้าหมายอย่างเค้า ผมเริ่มรู้สึกหมดหนทางกับการสร้าง 1 แสนบาทก่อนอายุ 30 ปี ผมอาจจะรอเงินแสนได้แต่กลัวว่าคนที่บ้านจะรอไม่ได้ แต่ไม่มีทางเลือกก็ต้องทนทำไป
อีก 2 ปี สิ่งที่ไม่คาดคิดได้เกิดขึ้น “การทำงานในบริษัทที่มั่นคงใช่ว่าตัวเราจะมั่นคงด้วยเสมอไป” บริษัทได้ออกนโยบายลดพนักงาน ไม่ขึ้นเงินเดือน ชีวิตช่วงนั้นเหมือนกับนาฬิกาที่ดูเหมือนจะเดินไปข้างหน้าแต่ดันกลับมาที่เดิม นี่!!! เราอายุ 26 ปีแล้วนะ อีก 4 ปีจะทำยังไงให้มีเงินแสนเนี่ย??? ผมเริ่มมองหาอะไรทำเพิ่ม มองหาโอกาสใหม่ๆ เปิดบริษัทส่วนตัวกับเพื่อน ทำควบคู่กับงานประจำ ใช้เวลาทำงาน 16 ชม/วัน ผมมีรายได้เพิ่มจริงครับแต่เวลาผมก็น้อยลงไปด้วย มีเงิน แต่ไม่มีเวลาใช้ ไม่มีเวลากลับบ้าน ตจว. เหมือนกับผมกำลังขยันผิดที่ ซึ่งดูอีก 10 ปีก็ไม่รวย
จนวันหนึงมีรุ่นน้องที่มหาลัยมานัดให้ไปฟังเครือข่าย ซึ่งผมมองธุรกิจนี้ว่าเป็นงานขาย คนที่จะสำเร็จต้องพูดเก่งสุดๆ ซึ่งมันตรงกันข้ามกับบุคลิกของผมโดยสิ้นเชิง ไม่เคยเห็นคนใกล้ตัวประสบความสำเร็จ ผมปฏิเสธโอกาสนี้ทันที ใช้ข้ออ้างว่า “พี่ไม่มีเวลาทำหรอก น้องทำไปก่อนเลยนะ” ผ่านไป 2 เดือนเท่านั้นเอง ผมได้ยินว่า“เต้” รุ่นน้องวิศวกรใช้เวลา 6 เดือนสร้างรายได้ 1 แสนบาท ได้ท่องเที่ยวต่างประเทศด้วย ทำอะไรบ้างผมยังไม่รู้แต่ “ผลลัพธ์”ที่น้องเค้าได้ผมอยากได้ “อะไรนะ! น้องเต้จะมาชลบุรีหรอ?” ผมจัดเวลาทั้งๆ ที่เคยอ้างว่าไม่มีเวลาได้ทันที ผมเลิกงาน 5 โมงตรงเป๊ะ สแกนนิ้วออกเป็นคนแรกของโรงงาน ปกติผมเลิกงาน 1-2 ทุ่มตลอด ที่ผ่านมาผมมัวหาเงินเพื่อเลี้ยงชีวิต ตอนนี้ผมอยากหาเงินใช้สร้างชีวิตซะแล้ว ผมขับรถจากปราจีนไปชลบุรีไปกลับ200กิโลเมตรไม่ไกลเลยเพื่อฟังเรื่องราวของธุรกิจ Aimstar ชวนพี่ชายและคุณแม่ไปฟังด้วย ผมเจอกับ“พี่ทอม”แบบอย่างความสำเร็จ ที่พูดไม่เก่งยังเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ พี่ทอมใช้เวลาในเครือข่าย 7 ปี ได้เงิน 5 แสนบาทต่อเดือน ผมมองว่าถ้าผมทำ 10 ปี ได้สัก 3 แสนบาทต่อเดือน ก็ยังคุ้มค่าสุดๆ สำหรับผลลัพธ์นี้
ผมตัดสินใจทำโดยที่เจออุปสรรคแรกจากคนใกล้ตัวทันที “ปอยพูดไม่เก่ง ปอยทำไม่ได้หรอก”(คุณแม่ผมเอ่ยวลีเด็ดนี้) แต่ในเวลานั้นอะไรก็ฉุดไม่อยู่ละครับ เพราะ “โอกาส” มันไม่ใช่ “อากาศ” ที่เราจะสามารถหาได้ทุกที่ในโลกใบนี้ ขนาดงานประจำที่ไม่ให้ในสิ่งที่เราอยากได้เราทำอะไรไม่เป็นเรายังหัดยังฝึกได้ ถ้า Aimstar ให้ได้ ทำไมเราจะหัดจะฝึกไม่ได้ ผมขอเวลากับคุณแม่ 1 ปี ถ้าไม่เห็นผลลัพธ์อะไรจะกลับไปทำงานประจำก็ยังไม่สาย ผมเริ่มลงมือทำครับทั้งๆ ที่เซนเตอร์อยู่ห่างจากที่พักเกือบ 200 กิโลเมตร เดินทางไปกลับ กทม-ปราจีน ทุกอาทิตย์ เข้าเรียนรู้ทุกรอบประชุมไม่เคยขาด เพราะคิดว่า

เมื่อไม่เรียนใยเล่าเจ้าจะรู้ เมื่อไม่ดูใยเล่าเจ้าจะเห็น
เมื่อไม่ทำใยเล่าจะเป็น ก็ยากเข็ญขัดสนจนปัญญา

ผมฟังสื่อทุกแผ่นที่โค้ชแนะนำ ผมพูดไม่เก่ง ผมฝึกพูด ผมไม่กล้า ก็ต้องกล้า ไม่ลังเลที่จะเชื่อคนสำเร็จทั้งที่อายุเค้าจะน้อยกว่าเรา เชื่อเพราะเค้ามีประสบการณ์ ลงมือทำอย่างมุ่งมั่น
ผมใช้เวลาเพียง 8 เดือน พิชิตรายได้ 100,000 บาทกับ Aimstar คืนคำสัญญาที่เคยให้ไว้กับคุณแม่กับรายได้ 1 แสนบาท มอบให้ท่านบนเวทีงาน Good Luck ตอนอายุ 27 ปี ปีที่ 2 ได้ทรัพย์สินของตัวเองชิ้นแรกเป็นคอนโดหรู มูลค่า 3.2 ล้านบาท เดือนที่ 24 ได้รายได้เพิ่มเป็น 150,000 บาท ในตำแหน่ง Sapphire Star เพียงระยะเวลา 3 ปี ผมได้ท่องเที่ยวต่างประเทศรวมถึง 5 ประเทศ ขอบคุณ Clover Group ที่ทำให้ผมได้เปลี่ยนแปลงความคิด อยู่ในเส้นทางของคนสำเร็จ มีระบบให้ใช้ทำงาน รวมถึงได้พบเจอสังคมที่อบอุ่น
ผมเชื่อว่า ความแตกต่างระหว่าง ความเป็นไปได้และความเป็นไปไม่ได้ อยู่ที่ความมุ่งมั่นของคน
6 เคล็ดลับสู่ความสำเร็จ
มีเป้าหมายให้ชัดเจน “เป้าหมายใหญ่ อุปสรรคเล็ก” เป้าหมาย ทำให้เกิดแรงบันดาลใจ แล้วใจจะบันดาลแรง
รักการเรียนรู้ วางแผนกับโค้ชก่อนลงมือทำอย่างสม่ำเสมอ(สะ-หม่ำ-สะ-เหมอ มันสำคัญจริงๆ) ลงมือทำตาม Clover System ด้วยความมุ่งมั่น อดทน
สร้างเครือข่าย คือ การสร้างทีมและทำงานกับคน เราต้องมอง 360 องศา มองถึงอัพไลน์ ดาวน์ไลน์ ไซด์ไลน์ ด้วยการคิดดี(คิดบวก) ทำดี(ซื่อสัตย์) พูดดี(ไม่พูดอย่าเพิ่งทำ ไม่ทำอย่าเพิ่งพูด พูดแล้วต้องทำ ทำแล้วเอามาพูด)
การเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ มาจากการตัดสินใจที่ยิ่งใหญ่ ประเมินตัวเอง พร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงเสมอ เริ่มต้นไม่มีใครดีพร้อมแต่เราต้องพร้อมที่จะดีให้ได้ เป็นแบบอย่างให้องค์กร
มือผู้ให้สูงกว่ามือผู้รับเสมอ ยิ่งให้ยิ่งได้ ยิ่งขอยิ่งอด มองว่าคือธุรกิจของตัวเอง
ผู้นำ คือ คนที่ลุยเป็นคนแรกและยอมแพ้เป็นคนสุดท้าย
เมื่อวันที่ 25 กันยายน เวลา 1:48 น.