Tom Founder18126
จากเนื้อหาใน TS เมื่อคืน 20 กย ทางกลุ่มจะสื่อใหม่เป็นหนังสือรวบรวมเรื่องราวคนสำเร็จ Ruby++
ในกลุ่ม Clover ซึ่งจะมาเสนอมุมมองดีๆเรื่องราวการเริ่มธุรกิจ ตนประสบความสำเร็จและเคล็บลับ

วันนี้ขอเสนอผู้สำเร็จท่านแรก คุณ ตี๋ เบริดครับ

ผมจบการศึกษาจาก คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ ภาคภาษาอังกฤษ หรือ Sirindhorn International Institute of Technology (SIIT) มีโอกาสทำงานในสาย ที่เรียนมาราว 2ปี หลังจากนั้นกลับมาช่วย ธุรกิจส่วนตัวโรงงานสังฆภัณฑ์ของครอบครัว ก่อนจะขยายไปยัง ธุรกิจกลุ่ม “อสังหาริมทรัพย์” รวมทั้งได้มีโอกาสเป็น ที่ปรึกษา ให้กับบริษัทโรงงานผ้านวม ของครอบครัวพี่เขย อีกทั้ง กำลังจะขึ้น โครงการ โรงแรม Boutique Hotel มูลค่ากว่า 100 ล้านในขณะนั้น หลายคนอ่าน ถึงตรงนี้อาจคิดว่า ผมเป็นคน “ขยัน” แต่อยากบอกไว้ตรงนี้เลยว่า จริงๆแล้ว ผมก็เป็นคนนึงที่ “ขี้เกียจ” สันหลังยาว มากๆคนนึงเลยครับ แต่ที่ทำงานหลายอย่าง พร้อมๆกัน เพราะผมอยากรีบ “สำเร็จ” จะได้ “ขี้เกียจ” ไปยาวๆ

ผมมาเจอธุรกิจ เอมสตาร์ จากรุ่นพี่ที่เคารพรัก 2ท่าน ได้แก่ พี่ชมพู่ พิมพ์ปภัค โล่ห์มหิรัญกุล และ พี่เตี่ยง ณัฐณษัณ โล่ห์มหิรัญกุล ต้องบอกไว้ตรงนี้เลยว่า ธุรกิจแนว “ขายตรง” “เครือข่าย” อะไรพวกนี้ไม่ใช่ “แนว” ที่ผมชอบเลย เคยฟังมาเยอะแล้ว เคยโดนชวนบ่อยมาก เคยทำแล้วสมัยเรียนด้วยซ้ำ แต่ผมเชื่อเรื่อง “ความรู้” ไม่มีวันหมด ไหนๆพี่เค้ามาแล้ว ก็เลยฟัง “อย่างตั้งใจ” อย่างน้อยก็ได้รู้เรื่องราว อะไรเพิ่มเติมในชีวิต 
 หลังจากฟังเรื่องราวทั้งหมด ก็ค้นพบว่า ทุกอย่างบนโลกนี้มันมี “วิวัฒนาการ” เครือข่าย หรือ ขายตรง แบบที่เราเคยฟังมาก่อนหน้านี้ ไม่ได้เหมือนกับ เอมสตาร์ เลย
 แต่ปัญหาของผมอีกเรื่องคือ “เวลา” เพราะบรรดางานที่ทำอยู่ 4-5 งาน ก็ไม่มีเวลากระดิกตัวไปไหนอยู่แล้ว เลยตอบพี่เค้าไปตรงๆว่า “มันก็ดีนะพี่ แต่ผม ไม่มีเวลา ครับ” 
 ไม่น่าเชื่อประโยคสั้นๆที่ผมได้รับกลับมากลับ “พลิก” วิธีคิดผมไปโดย สิ้นเชิง เพราะพี่เค้าถามผมกลับว่า “แล้วเอ็งอยากมี เวลา มั้ยหล่ะ?”
 หลังจากนั้นทำให้ผมได้คิด และ คิดได้ ชีวิตที่ผ่านมา ทำมาแบบนี้ตลอด ก็ยังไม่มีเวลา ถ้ายัง “ซื่อบื้อ” ทำแบบนี้ต่อไป จะมีเวลาได้ยังไง นี่คือ เป้าหมายหลัก ในการเริ่มต้น ธุรกิจนี้ของผมเลยครับ “อิสรภาพทางเวลา”

อย่างที่กล่าวมาข้างต้นแล้วว่า “เวลา” เป็นสิ่งที่ผมต้องการมากที่สุด และมันก็เป็น อุปสรรค ที่สุดในการเริ่มต้นทำอะไรก็ตามเพิ่ม เช่นกัน ดังนั้นในช่วงแรกผมจึงใช้ 2 เทคนิคในการ “จัดเวลา” เพื่อเริ่มต้น 
 อย่างแรกต้อง “ตัด” การใช้เวลาในแต่ละวันที่พอจะตัดได้เช่น ดูหนัง ฟังเพลง ชอปปิ้ง เที่ยวกลางคืน เพราะกิจกรรมเหล่านี้ นอกจะทำให้เราเสียเงินยังทำให้เรา “เสียโอกาส” ในการทำอะไรเพิ่มด้วยซ้ำ
 อย่างที่สอง “จัดการ” เวลาให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เนื่องจากผมเคยมีประสบการณ์ ทำธุรกิจมาหลายด้านที่ ไม่เคยเรียนมา จึงรู้ว่าในตอน เริ่มต้นทุกงาน สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ “ความรู้” ผมจึงต้องเพิ่มประสิทธิภาพ ในเวลางานปกติ เพื่อที่จะจัดเวลาไป “เรียนรู้” ที่เซ็นเตอร์ เพียงสัปดาห์ละ 1 ครั้ง และพยายามฟังซีดีทุกครั้งที่ขึ้นรถ เปิดดีวีดี ทุกครั้งที่เข้าห้องนอน โทรนัดเพื่อนล่วงหน้า เพื่อเลิกงานจะได้มีเนื่องานให้ทำแน่นอนเลย ไม่ใช่รอว่างก่อนแล้วค่อยทำ สุดท้ายนัดใครไม่ได้ ก็ผ่านไปฟรีๆอีกวัน ผมเสียดาย “เวลา”

หลังจากเริ่มต้นทำธุรกิจอย่างตั้งใจ ระยะแรกๆ รายได้ที่เพิ่มขึ้นมาไม่กี่พันบาท ทั้งๆที่ต้องเหนื่อยเพิ่มขึ้น หลายคนอาจไม่เข้าใจและล้มเลิกไปก่อน แต่ผม “เข้าใจ” ว่าทุกธุรกิจกว่าจะคืนทุนต้องใช้เวลาเป็นปีๆ แต่ธุรกิจนี้เราไม่ได้ลงทุนอะไรเลย จึงถือว่ากำไรตั้งแต่เดือนแรก จึงตั้งใจต่อเนื่องผ่านไป 7 เดือนก็สามารถขึ้นตำแหน่งที่ชื่อ Ruby Star มีรายได้ร่วม 100,000บาท/เดือน ครบ 12เดือนก็เป็นตำแหน่ง Emerald Star มีรายได้ร่วม 200,000บาท/เดือน
ณ ตอนนั้นเองเนื่องจากผมไม่มี ภาระทางครอบครัวอะไรจึง ตัดสินใจให้ของขวัญตัวเอง ที่เหนื่อยมา 1 ปี ด้วย “ยนตกรรม” ที่ชอบเป็นการส่วนตัวคือ Audi TTs 2.0 TFSI
 และอีก 1 รางวัลของความตั้งใจ และพยายาม คือการได้ ท่องโลกกว้าง ไปยังดินแดนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ทัชมาฮาล อินเดีย มหานครเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน หมู่เกาะในฝัน มัลดีฟ ดินแดนแห่งการชอปปิ้ง ฮ่องกง มาเก๊า เกนติ้ง มาเลเซีย กรุงโตเกียว ประเทศญี่่ปุ่น กรุงโซล เกาหลีใต้ รวมทั้ง โจฮันเนสเบิร์ก และ เมืองเคปทาวน์ ประเทศ เซาท์ แอฟริกา
 และทุกๆครั้งที่ได้ไป มีโอกาสได้ไปกับ พี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ที่ทำงานด้วยกัน เหนื่อยด้วยกัน สนุกไปด้วยกัน จนวันนี้สิ่งที่ได้กลับมา มากกว่า เงินทอง รถยนต์สุดหรู หรือการท่องเที่ยว นั่นคือ การมี “ครอบครัว” ที่น่ารัก อบอุ่น ช่วยเหลือกัน ให้กำลังใจกัน ในมุมมองส่วนตัวของผม นี่คือ “สังคมมูลค่า” ที่ต่อให้มีเงิน เท่าไหร่ก็ ซื้อไม่ได้

ตลอดเส้นทางการทำธุรกิจส่วนตัว รวมถึงธุรกิจนี้ ผมมีโอกาส ได้ พบเจอผู้คนมากมาย ได้ฟัง ได้บอกเล่าเรื่องราวต่างๆ และหลายๆครั้ง มักได้ยินคำว่า “เราทำไม่ได้” ผมเองเป็นเด็กขี้แย ขี้กลัว ขี้อาย และ ขี้เกียจ มาก่อน ปัจจุบัน ผมเล่นกีฬา ได้เกือบทุกชนิด ไม่กลัวความผาดโผน ชอบลองสิ่งใหม่ๆ กล้าพูดต่อหน้าคนจำนวน มากๆ ทำงานหลายๆอย่างในเวลาเดียวกัน ไม่ใช่เพราะผม เก่ง มีพรสวรรค์ อะไรมากมายนะครับ เพียงแต่ว่าในพจนานุกรมของผม “ไม่มี” คำว่า impossible “มีแต่” คำว่า i’m possible

หากมีใครซักคนเดินมาถามผมว่า “เคล็ดลับ” ในการประสบความสำเร็จของผมคืออะไร?
 ผมคงนึกถึงเวลาที่ผม “เริ่มต้น” ทำอะไรใหม่ๆ ทุกครั้ง ไม่ว่าจะกีฬาชนิดใหม่ งานใหม่ ธุรกิจใหม่ ทุกครั้งผมจะ “เริ่ม” จาก “ปลายทาง” เสมอๆ คือมองคนที่ สำเร็จในด้านนั้นๆก่อน 
 ยึดคนเหล่านั้นเป็น “เป้าหมาย” เป็น “แบบอย่าง” หลังจากนั้นผมค่อยหา “วิธีการ” โดยส่วนตัวผมชอบ ถาม จากคนที่ทำได้ ดูแล้วเลียนแบบ แต่บางครั้งดูคนเหล่านั้นทำ มันช่างง่ายดาย แต่พอเราทำเอง กลับรู้สึกว่ายาก เพราะยังไม่มี “ทักษะ” ดั้งนั้นพอได้ วิธีการ มาแล้วต้อง “ฝึก” “ฝึก” “ฝึก” “ฝึก” “ฝึก” แล้วก็ “ฝึก”
บางครั้งก็ฝึกในสนามซ้อม บางครั้งก็ฝึกในสนามจริง ทุกๆครั้งที่ได้ทำผมจะ “หวัง” ให้มันสำเร็จ และทำหน้าที่เราให้ดีที่สุด แม้หลายครั้งมันจะพลาด บางครั้งผิดหวัง ไม่เป็นไปตามตั้งใจ แต่ก็จะยังทำต่อไป เพราะต่อให้เราไม่ได้ “ผลลัพธ์” เราก็ยังได้ “ประสบการณ์”
 สรุปง่ายๆก็คือ “ตั้งเป้าหมาย” เรียนรู้ “วิธีการ” จากคนสำเร็จ “ลงมือทำ” ซ้ำๆ จนก่อเกิด เป็น “ทักษะ” และ “ประสบการณ์” และตลอดเส้นทาง จงคอยบอกตัวเองอยู่เสมอว่า
 “เราทำได้”
เมื่อวันที่ 21 กันยายน เวลา 19:12 น.