Tom Founder18550

ชื่อ สาม สุกฤตา แสงกระจ่าง ปัจจุบันอายุ 20 เรียนชั้นปี 4 มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ สามเคยได้ยินธุรกิจเครือข่ายมาจากพี่ชายตั้งแต่อายุ 17 ปี ด้วยความเป็นเด็กและอายุไม่ถึงเลยไม่สนใจอะไรกับธุรกิจ Aimstar มากนัก บวกกับตอนนั้นพี่ชายมีรายได้เพียง 5,000 บาท เราก็คิดอยู่ในใจว่า “ขอแม่ง่ายกว่าไหม?” ยิ่ง ณ ตอนนั้นสามเองก็เชื่อว่าตัวเองก็เป็นเด็กคนนึงที่มีความสามารถในหลายๆด้าน และมีความฝันเป็นของตัวเอง สามอยากเข้าวงการบันเทิงมากกว่าการที่ต้องมานั่งทำเครือข่าย “ให้ต้องมานั่ง ตื้อ ง้อ ขอ ขาย หรอ?” มันไม่ใช่ทางของเราแน่ๆ หลังจากนั้น 7 เดือนผ่านมา พี่ชายก็กลับมาอีกครั้งกับรายได้ 50,000 บาท ช่วงนั้นเป็นเวลาของการอยู่ปี 1 ย่างเข้าปี 2 ของสาม รายได้มันสะกิดใจสามเล็กๆ เหมือนคำว่า “เงินซื้อคนไม่ได้ ถ้าไม่มากพอ” แต่ในความคิดของสามตอนนั้น “เงินก็ซื้อทุกอย่างไม่ได้” ซื้อเพื่อน ครอบครัว เวลา หรือ ความรักไม่ได้ ด้วยความทะเยอทะยานสูงของสาม ถึงมีเงิน 10 ล้านก็ไม่สามารถซื้อใจเด็กคนนี้ได้ สามเป็นคนเชื่อมั่นในตัวเองสูง สามเคยคิดว่าตัวเองเป็นคนเก่ง เข้ามหาลัยตอนอายุ 17 ปี ในขณะที่เพื่อนนั่งเรียนอยู่ชั้น ม.5-6 “มีซักกี่คนที่ทำได้เหมือนเรา?” ถ้าจะสำเร็จ หลังเรียนจบเรายังมีเวลาอีกเยอะให้ทำ
โชคดีหรือโชคร้ายของสามก็ไม่แน่ใจ คุณแม่โทรมาคุย ท่านบอก “คนเรามี 24 ชั่วโมงเท่ากัน 8 ชั่งโมงแรกเรียน 8 ชั่วโมงที่สองมีไว้นอน แต่ 8 ชั่วโมงสุดท้าย คนรวยหรือจนเป็นคนกำหนด คนรวยใช้ 8 ชั่วโมงสุดท้ายในการหาเงิน แต่คนจนใช้มันในการใช้เงิน เรากำลังเลือกเป็นแบบไหน?” สามฟังแล้วก็ได้รับรู้ว่าเรากำลังเป็นคนจนอยู่ แต่คำถามที่แย้งอยู่ในใจของสามคือ “แล้วเราจะรวยไปเพื่ออะไร?” ถึงมีเงินมากมายก็ไม่สามารถซื้อคำว่าเมื่อวานได้ ซื้อความทรงจำดีๆที่อยู่ในสมองไม่ได้ แล้วเราจะหาเงินให้เหนื่อยเพิ่มเพื่ออะไร
ถึงมีเรื่องราวร้อยพันจากใครมาพูดก็ไม่สามารถเปลี่ยนใจได้ ขอแค่เรื่องเดียวที่มันบาดลึกทิ่มแทงใจมันก็สามารถเปลี่ยนใจได้ วันที่สามตัดสินใจทำงานนี้จริงๆก็เพราะพี่สองเล่าให้สามฟังว่า “จำเศรฐกิจปี 40 ได้ไหม จากที่บ้านเรามีเป็น 100 ล้าน สุดท้ายล้มละลายไม่เหลืออะไรเลย มีอยู่คืนนึง ตอนสามกำลังหลับอยู่ พี่ได้ยินเสียงแม่เราร้องไห้ บอกว่าวันนี้เรากำลังโชคร้ายที่มีเค้าเป็นแม่” สิ้นเสียงสามก็เถียงเขา “โชคร้ายอะไร โชคดีตังหาก ไม่งั้นจะได้เรียนจบจากนานาชาติ มีมหาลัยดีๆอยู่ แม่เราสู้ชีวิตเพื่อพวกเราจะตาย กว่าจะมีวันนี้ของพวกเราได้” พอพี่สองฟังจบเลยถามต่อว่า “นั่นสิ เราโชคดีที่มีเค้าเป็นแม่ แต่ทำถามคือ เขาโชคดีหรือยังที่มีเราเป็นลูก” ฟังคำถามจบ สามกลับมานั่งถามกับตัวเองด้วยคำถามที่ทิ่มแทงใจตัวเองว่า ตลอดระยะเวลา 18 ปี ที่ผ่านมา เรากำลังทำอะไรอยู่ นี่เราไม่คิดอะไรมานานขนาดนี้เชียวหรือ? “พ่อแม่ก็มีหัวใจ ร่างกายพ่อแม่ไม่ใช่เครื่องจักร พ่อแม่อยากจะหยุกพัก แต่กลัวลูกรักจะไม่พอกิน” ช่วงเวลาที่เราไม่ได้คิดอะไร ก็จะมีคน2 คนคิดแทนเราเสมอ นั่นก็คือพ่อแม่ จะมีสักครั้งไหม ที่วันนี้เรา “คิดให้มากขึ้น เพื่อให้คนที่เรารัก คิดได้น้อยลง” อย่างน้อย... ทำอะไรมากขึ้นเพื่อให้เค้าหยุดพักเร็วขึ้นซัก 1 นาทีก็ยังดี “นี่ไม่ใช่หรือ คือสิ่งที่ลูกที่ดีควรพึงกระทำ?”
สามเกิดวันที่ 30 เม.ย. 2536 และสามก็สมัครสามาชิค Aimstarในวันที่ 30 เม.ย. 2554 สามไม่สนว่าวันที่สามจะสมัครวันไหน แต่สามสนว่าวันที่สมัครคือการได้ลงมือทำอะไรบางอย่างเพื่อคนที่เรารัก ธุรกิจส่วนตัวไหนๆก็ไม่เคยรอทำวันที่ 1 มีแต่คำถามคือ “จะเริ่มทำวันไหน?” นอกเหนือจากนั้น สามไม่เคยสนใจว่าสินค้าจะต้องซื้อเท่าไร ครั้งแรกสามซื้อสินค้าเกือบๆ 7,000 บาท สามเชื่อว่าตอนนี้เรามาทำธุรกิจเครือข่ายผู้บริโภค เรามีหน้าร้านคือตัวเรา แต่ถ้าเราไม่คิดจะเปลี่ยนแปลงหรือซื้ออะไรบางอย่างเพื่อให้คนรอบตัวเห็น ธุรกิจก็จะกลายเป็นแค่การเล่นหม้อข้าวหม้อแกง ถ้าเราคิดจะลุยกับมัน ครั้งเดียวขอให้ทำจบ คนที่ชวนมาบอกให้ทำไรต้องไม่คิดช้า ลงมือกับมัน สามเชื่อว่าคนสำเร็จจะทำอะไรไม่ใช่เรื่องยาก ที่สำคัญอายุไม่เกี่ยว มันเกี่ยวกับทัศนคติและแนวคิด 100 คนพูด 10 คนทำ 1 คนสำเร็จ สามทำธุรกิจเดือนแรกไม่ได้มาก เพียงแค่ 2,000 บาทเท่านั้นเอง แต่เดือนที่ 8 ก็สามารถเป็นนักธุรกิจ Aimstar ระดับรูบี้สตาร์ หรือมีรายได้ร่วม 100,000 บาท ขณะอายุ 18 ปี
สามเชื่อว่าตัวสาม ไม่ได้เก่งกว่าคนทั่วไป สามเป็นเด็กใสๆคนนึงที่ไม่เคยรู้เรื่องธุรกิจ ใช้ชีวิตอยู่ในกรอบมาตลอด ขอเพียงแค่มีความเชื่อมันกับตัวเองว่าเราทำได้ คำตอบก็คือทำได้ สามทำธุรกิจ 4 เดือนแรกก็สามารถผ่านทริปไปเกาหลี ซึ่งเป็นคนที่อายุน้อยที่สุดในเครื่องบิน ณ ตอนนั้น และครั้งที่ 2 ก็ได้ไปเกาหลีอีกครั้ง ธุรกิจนี้ไม่ใช่แค่สามารถให้รายได้ ทริปท่องเที่ยว ประสบการณ์ชีวิต สังคมดีๆที่สามรู้สึกโชคดีที่ได้เจอ สามเคยไปเกาหลีในชีวิตนี้ถึง 3 ครั้งแล้ว สามกลับมานั่งย้อนดูรูปเก่าๆที่เคยไปเที่ยวมา ผลของการทำธุรกิจนี้ยังสามารถให้หน้าตาและบุคลิคที่ดีขึ้นด้วย โอกาสมันก็เหมือนไอติม ถ้าไม่ได้กินมันก็ละลาย สามเชื่อว่าโชคดีแล้วที่ได้รับโอกาสนี้ มันสามารถเปลี่ยนจากเด็กธรรมดาคนนึงให้กลายเป็นอีกคนได้ ถ้าไม่ได้ทำธุกิจนี้ สามก็อาจจะกลายเป็นเด็กธรรมดาๆคนนึงที่กำลังจะเรียนจบ แต่หาเป้าหมายชีวิตไม่เจอ ไม่รู้จะทำอะไรต่อ สุดท้ายก็เอามูลค่าชีวิตที่เทียบเป็นเงินไม่ได้ มาไว้กับงานบางงานที่อาจจะให้เงินเราเพียงแค่ 20,000 บาทต่อเดือน อย่ากลัวการที่จะต้องทำอะไรหรือเหนื่อยเพิ่ม อย่าแคร์สายตาใคร ตราบเท่าที่เรายังหายใจด้วยจมูก “เราเอง”
เชื่อไหมว่าคนทั่วไปมีอวัยวะครบ 32 ส่วนเท่ากัน มีเวลา 24 ชั่วโมงเท่ากัน มีเป้าหมายเหมือนกัน แต่ความพยายามที่ทำให้ไปถึงฝันเรามีไม่เท่ากัน สามเองก็เรียนไปและจัดเวลาทำงานไป แต่คนเราสามารถเป็นมนุษย์ 1000% ได้ เรียน100% ทำงาน 100% เพื่อน 100% ครอบครัว 100% เที่ยว 100% ลฯ เต็มที่กับทุกอย่างในชีวิต ขอเพียงแค่เรามีใจที่จะก้าวเดินยังไงเราไปถึงฝันแน่นอน การก้าวไปย่อมสำคัญกว่าการก้าวถึง
ผู้หญิงจะสวยที่ความคิด จะน่ารักที่นิสัย หลายๆคนชอบบอกว่าหน้าตาเป็นส่วนสำคัญ แต่ถามจริงๆ ถ้าเกิดเราจะเลือกใครสักคนเป็นคู่ชีวิต เราจะเลือกคนที่ใช้ชีวิตไม่คิดอะไรจริงๆหรือ? ในทางกลับกัน เราเองก็ต้องเป็น 1 คนที่ไม่ใช่ตุ๊กตาหน้ารถ ความดีของคน ไม่ได้ขึ้นอยู่กับ “หนังหน้า” แต่ขึ้นอยู่กับ สิ่งมีค่าที่เรียกว่า “หัวใจ” ไม่ใช่เป็นคนที่ถูกเลือก แต่ต้องเป็นคนที่ถูกรััก
เวลาที่เราสร้างชีวิต เส้นทางที่ขรุขระนั้นเป็นเรื่องธรรมชาติ จะผิดพลาดบ้างเป็นเรื่องธรรมดา คิดจะทำการใหญ่ ใจต้องนิ่งพอ ขอให้เราเป็นคนที่ใจมั่นคงพอต่อความสำเร็จที่เราต้องการ เพราะไม่มีใครไปถึงดวงดาว โดยที่เท้าไม่ได้เปื้อนดิน
บทเรียนที่มีค่า ต้องแลกมาด้วยความลำบาก สามเชื่อทุกๆความสบายคือหนทางสู่ความลำบาก ทุกๆความลำบากคือหนทางสู่ความสบาย ทุกธุรกิจที่เราทำไม่ได้หมายความว่าจะโรยด้วยกลีบกุหลาบ จงเชื่อเถอะว่ามันมีอุปสรรค แต่ทุกๆอุปสรรคมันจะทำให้เราแข็งแกร่งกว่าคนทั่วไปเสมอ ทำธุกิจนี้มีคนปฏิเสธ มีคนต่อว่าแน่นอน แต่นั่นแหละมันคือความโชคดีในความโชคร้ายที่มันทำให้เราเห็นความสำเร็จที่มันใกล้ขึ้นมาทุกที
2 วันที่แล้ว เมื่อเวลา 2:50 pm