ตุ้ม The Clover85
คำว่า อิสรภาพทางการเงิน คืออะไร ???
ถ้าให้แปล ให้เข้าใจง่ายๆ ก็คงหมายถึง
ชีวิต ที่สามารถอยู่อย่างมีอิสระในแบบที่เราต้องการ โดยไม่ต้องกังวลถึงเรื่องเงิน
คือมีรายรับมากกว่า รายจ่าย และมากพอจะให้เราใช้ชีวิตได้ใน Lifestyle ที่เราต้องการด้วย
ซึ่งคำว่า อิสระ ในที่นี้ ไม่ว่า คุณจะมีรายรับมากเท่าไหร่ก็ตาม
แต่หากคุณใช้จ่ายฟุ่มเฟือย สุรุ่ยสุร่าย จน รายจ่ายเยอะกว่ารายรับ
คุณก็ยังคงเป็นหนึ่งคนที่ไม่มีอิสรภาพทางการเงินอยู่ดี
ถ้าจะให้เปรียบเทียบให้ง่ายที่สุด คนที่มีอิสรภาพทางการเงิน ก็คือคนที่ปลอดหนี้ นั่นเอง

ทีนี้ ทำอย่างไรดี เราถึงจะเป็นคนที่มี Financial Freedom หรือมีอิสรภาพทางการเงินได้
อ้างอิง จาก หลักสูตร The Millionaire Mind Intensive ของ T.Harv Eker

5 Critical factors in the Financial Freedom Equation
= Working Income + Savings + Investments + Passive Income + Simplify

แปลเป็นไทย สูตรอิสรภาพทางการเงิน เท่ากับ
รายได้จากการทำงาน + เงินเก็บ + รายได้จากการลงทุน +
รายได้แบบ Passive (ไม่ต้องทำอะไร ก็ยังมีรายได้) + ใช้ชีวิตเรียบง่าย

รายได้จากการทำงาน ก็คือ รายได้แบบ Active Income รายได้ที่เราต้องทำ เพื่อให้ได้มันมา

เงินเก็บ ก็คือ เงินที่เรามีการสำรอง ออมเก็บเอาไว้ เพื่อใช้เป็นทุนสำรอง หรือเพื่อไว้เป็น
หลักประกันความมั่นคง ซึ่งต้องมี มากพอ ในระดับหนึ่ง

รายได้จากการลงทุน ก็คือ รายได้แบบ เงินต่อเงิน ใช้เงินทำงาน เช่น
ฝากธนาคาร หรือลงทุนในกองทุนต่างๆ เพื่อให้เกิดผลกำไร หรือเงินปันผล

รายได้แบบ Passive ก็คือ รายได้แบบ ที่เราสามารถหยุดทำงานได้ แต่รายได้ไม่หยุด
คือเป็นรายได้ที่เกิดจากทรัพย์สินต่างๆ ของเรา นั่นเอง

ใช้ชีวิตเรียบง่าย ก็คือ การที่เรารู้จัก ใช้จ่าย ให้พอเพียงกับ ระดับรายได้ของเรา
ไม่ใช้จ่ายเกินตัว ไม่ใช้รายจ่ายเกินรายรับของเรานั่นเอง

สิ่งที่ทำให้ คนรวย แตกต่าง จาก คนจน ในเรื่องของเงิน คือ
คนรวย มักจะเก่ง ในเรื่อง การบริหารจัดการเงินของพวกเขา

ผู้ที่มั่งคั่งร่ำรวย ไม่ได้เป็นคนที่ ฉลาดกว่า พวกเขาแค่มี นิสัย ในการบริหารเงินที่ดีกว่า
การบริหารจัดการเงิน ไม่ใช่การจำกัดอิสรภาพ แต่เป็นการส่งเสริมให้เรามีอิสรภาพทางการเงิน

ส่วนที่สำคัญที่สุด สำหรับการบริหารจัดการเงิน คือ การแบ่งแยก
แบ่งแยกรายได้ของเราไปเก็บในบัญชีต่างๆ สำหรับ การใช้จ่าย ตามวัตถุประสงค์ที่ต่างกัน

Money Management หรือวิธีบริหารเงินที่เรียบง่ายที่สุด และทรงประสิทธิภาพที่สุด
เราต้องแบ่งเงินออกเป็น 6 บัญชี ได้แก่

1. Financial Freedom Account : FFA บัญชีเพื่ออิสรภาพทางการเงิน 10%
เราจะไม่มีวันนำเงินในบัญชีนี้ไปใช้ แนวคิด คือ นิทานเรื่อง ห่านที่ออกไข่เป็นทองคำ
เราต้องสร้าง ห่านทองคำ เพื่อให้ออกไข่ทองคำออกมา
เมื่อเราหยุดทำงาน เราจะต้องใช้เงินที่ได้มาจากไข่ทองคำ ไม่ใช้เงินจากห่านที่ออกไข่เป็นทองคำ

2. Long Term Saving for Spending : LTSS บัญชีสะสมทรัพย์ระยะยาวเพื่อใช้จ่าย 10%
คือเป็นบัญชีที่เราเก็บสะสมเอาไว้ เพื่อใช้จ่ายหลังจากที่เราเกษียณ หรือ ใช้เมื่อเราจำเป็นนั่นเอง

3. Education Account : EDUC บัญชีเพื่อการศึกษา 10%
ซึ่งเป็นบัญชีที่สำคัญที่สุดบัญชีหนึ่ง คนร่ำรวย จะลงทุนในการเรียนรู้เพิ่มเติมอยู่เสมอ
เพราะถ้าวันนี้ เราไม่เติบโตขึ้น นั่นแปลว่าเรากำลังจะตาย
คนร่ำรวยจะไม่เคยคิดว่าตัวเองรู้แล้ว แต่จะหาทางเพื่อให้ตัวเองรู้เพิ่ม

4. Necessities Account : NEC บัญชีเพื่อค่าใช้จ่ายที่จำเป็น 55%
ถ้าคุณไม่สามารถใช้ชีวิต จ่ายค่าใช้จ่ายที่จำเป็นต้องจ่ายเพื่อการดำรงชีวิต เช่น
ค่าเช่าบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเดินทาง ค่าอาหาร ค่ายารักษาโรค ค่าครองชีพอื่นๆ
จาก 55% ของรายได้ที่คุณได้รับ คุณมีสองทางเลือก
1)เพิ่มรายได้ของคุณให้มากขึ้น 2)ใช้ชีวิตให้เรียบง่ายขึ้น

5. Play Account บัญชีใช้จ่ายเล่น 10%
กฎ : คุณต้องใช้เงินในบัญชีใช้จ่ายเล่น ทุกเดือน หรือ ทุกไตรมาส
เพื่อให้รางวัลกับตัวเองบ้าง สร้างสีสันให้ตัวเองบ้าง

ุ6. Give Account บัญชีเพื่อการให้ 5%
หมายเหตุ : คุณสามารถเพิ่มเงินในบัญชีการให้เป็น 10% หรือมากกว่าได้
โดยส่วนเกินที่จะนำมาคุณต้องนำมาจากบัญชีค่าใช้จ่ายที่จำเป็น หรือ NEC

วิธีการบริหารที่ดี คุณจะต้องแยกเก็บเงินแต่ละส่วนเอาไว้แยกจากกันเป็นคนละบัญชีธนาคาร
เมื่อคุณมีรายได้เข้ามา ให้คุณนำเงินที่ได้ ลงไปในบัญชีส่วนกลางหนึ่งบัญชี
แล้วทำธุรกรรมทางการเงิน เพื่อโอนเงิน ไปยังบัญชีที่แยกไว้แต่ละประเภททันที

แนวคิดที่สำคัญมาก คือ ไม่ใช่ว่า "เมื่อฉันมีเงินมากขึ้น ฉันจึงจะเริ่มบริหารจัดการเงิน"
แต่เป็น "เมื่อฉันมีการบริหารจัดการเงิน ฉันก็จะเริ่มมีเงินมากขึ้น"

กฎของจักรวาลในการบริหารคือ
ถ้าคุณไม่แสดงให้เห็นว่าคุณดูแลเงินได้ คุณก็จะไม่มีวันได้รับเงินมากขึ้น

ลักษณะนิสัยของการจัดการเงิน เป็นสิ่งที่สำคัญกว่า จำนวนเงินที่บริหาร

กฎแห่งความมั่งคั่งข้อที่ 1 : จ่ายเงินให้ตัวเองก่อนเสมอ ใ่ส่เงินเข้า FFA เป็นบัญชีแรก
คนถังแตก จะใช้กลยุทธ "ที่เหลืออยู่"
พวกเขาจะจ่ายเงินให้คนอื่นก่อน ค่อยลงทุน หรือ ออมเงิน ส่วนที่เหลือ
คนมั่งคั่ง จะใ้ช้กลยุทธ "จ่ายให้ตัวเองก่อน"
พวกเขาจะลงทุนก่อน หรือออมเงินก่อน แล้วค่อยใช้จ่าย จากส่วนที่เหลือ

เหตุผลหลักของการทำงานของคนถังแตก คือ
ทำงานเพื่อหาเงินใช้จ่ายในการดำเนินชีวิต เลี้ยงชีวิต
เหตุผลหลักของการทำงานของคนมั่งคั่ง คือ
ทำงานเพื่อหาเงินสำหรับใช้ลงทุน และสร้าง ธุรกิจที่สร้างรายได้แบบ Passive

พึงระลึกอยู่เสมอว่า ธุรกิจนอกเวลาอย่างหนึ่งของเราคือ
การบริหาร และการลงทุนในเงินของเรานั่นเอง

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ต้องการ Passive Income สิ่งที่คุณต้องทำคือ
1. ใช้เวลา 20-30 นาทีต่อวัน เพื่อ เรียนรู้เกียวกับการลงทุน
2. ลงทุน
3. ทำงานเพื่อสร้างท่อส่งของ Passive Business Income สร้างห่านที่ออกไข่เป็นทองคำขึ้นมา

เป็นเนื้อหาบางส่วนจากที่ผมได้ไปเรียนมาจากคอร์ส MMI ของ T. Harv Eker
ก็หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับพี่ๆเพื่อนๆน้องๆทุกคนนะครับ
My name is Prayuth Chatsakda and I'm Clover ^^