วันศุกร์ที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2556

Fit&Firm by tumtheclover

Fit&Firm by tumtheclover
การลดน้ำหนักอย่างมีประสิทธิภาพ และไม่กลับมาอ้วนอีก ^_^

ขอแนะนำตัวก่อนนะครับ ชื่อ ตุ้มครับ
เป็นคนๆหนึ่ง ซึ่งเคยทานอาหารเสริมมาแล้ว ลดได้เล็กน้อย
ซักพัก ก็กลับมาอ้วนอีก จนรู้สึกว่า
อาหารเสริมทานไป ก็ไม่ได้ช่วยอะไรเท่าไหร่

จนวันหนึ่ง ตุ้ม มีโอกาสได้เข้าคอร์สๆหนึ่ง
ชื่อว่า คอร์ส The Utmost 10 Fit&Firm Talents ของบริษัท
จึงได้รู้ว่า ที่เราลดน้ำหนักไม่ได้ เป็นเพราะเรายังไม่รู้วิธีการที่ถูกต้อง
ตุ้มได้เข้าคอร์สนี้ ใช้เวลา 45 วัน ลดไปได้ 7 กิโลกรัม
ถ้านับตั้งแต่เริ่มลด ก็ประมาณ 60 วัน ลดไปได้ 10 กิโลกรัม
วิธีการ คืออะไร ??? วันนี้ ตุ้มจะขอนำแนวคิดที่ได้จากคอร์สมาฝากครับ

แนวคิดในการลดน้ำหนักนั้น
สิ่งที่สำคัญ จะมีอยู่ทั้งหมด 5 กระบวนการครับ

1. หาแรงบันดาลใจของตัวเองให้เจอก่อนครับ
ว่าคุณจะลดน้ำหนักไปทำไม ? ลดเพื่อสุขภาพ ? ลดเพื่อหุ่นดี ? ลดเพื่อหาแฟน !!!
ลดเพื่ออะไรก็ได้ครับ แต่ที่สำคัญคือ คุณต้องมี ทำไมที่ใหญ่พอ
คุณต้องมีความอยากที่มากพอ ในการที่คุณจะลดน้ำหนักครับ
เพราะถ้าคุณอยากลดน้ำหนัก แต่เจอขนมหวาน คุณก็อยากกิน
มันก็อยู่ที่ว่า ความอยากอันไหน จะใหญ่กว่ากันนั่นเอง
ถ้าคุณอยากลดมากกว่า คุณจะห้ามใจตัวเองไม่ให้กินได้
แ่ต่ถ้าแรงบันดาลใจคุณไม่ชัด คุณก็จะห้ามใจตัวเองไม่ได้ คุณก็จะกินนั่นเอง

ดังนั้น สำคัญมากๆ ครับ สำหรับข้อ 1 คือ หาทำไม ที่ใหญ่พอให้ได้
ยกตัวอย่างให้เห็นภาพ ตอนที่ผมเข้าคอร์ส The Utmost 10 นี้
อันดับ 1-3 ที่ลดน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะได้รับ New Ipad 32GB Wifi ฟรี 1 เครื่อง !!!
ตอนนั้น ผมกำลังอยากได้มากๆ แต่ถ้าจะให้เอารายได้ที่มี ณ ตอนนั้นไปซื้อ
ก็คงจะลำบาก ดังนั้น ผมจึงตั้งปณิธาณเอาไว้กับตัวเองเลยว่า ผมจะต้องตั้งใจสุดๆ
เพื่อจะได้ มี Ipad มาใช้ เพื่อทำธุรกิจ และเพื่อใช้ส่วนตัว
แรงบันดาลใจผมชัดมาก ว่าผมจะต้องได้มันมาให้ได้ นี่ล่ะครับ ทำไมที่ใหญ่พอของผม
สุดท้าย ผมก็เป็น คนแรก ที่ได้รับ เครื่อง New Ipad มาใช้
ซึ่งก็ช่วยให้ชีวิตผมสะดวกสบาย และเป็นเครื่องมือที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้ผมได้เยอะมากเลย

ดังนั้น อย่าลืมครับ อันดับแรก หากคุณต้องการลดน้ำหนัก
สิ่งที่คุณต้องทำ คือ หาแรงบันดาลใจตัวเองให้เจอ
หา " ทำไม " ที่ใหญ่พอ ให้เจอก่อนครับ

2. กินให้น้อยกว่า พลังงานที่ต้องการรับ

สำหรับ ขั้นตอนนี้ คุณต้องรู้ก่อนครับ ว่า พลังงานที่คุณต้องการในแต่ละวันคือเท่าไหร่

ดังนั้น คุณต้องรู้จัก 2 คำนี้ก่อนครับ คือ BMI และ BMR
เนื้อหาค่อนข้างยาวนะครับ หากยังไม่รู้จัก แนะนำให้อ่านก่อน อย่ารีบขี้เกียจอ่านครับ
เพราะถ้าอยากลดน้ำหนัก แต่แค่อ่านข้อมูลตรงนี้ ยังขี้เกียจอ่าน
ผมบอกได้เลยว่า ลดไม่ได้ชัวร์ 555

คำนวณดัชนีมวลกาย (BMI)
การวัดดัชนีมวลร่างกาย Body Mass Index (BMI) คือ
อัตราส่วนระหว่างน้ำหนักต่อส่วนสูง ที่ใช้บ่งว่าอ้วนหรือผอม
ในผู้ใหญ่ตั้งแต่อายุ 20 ปีขึ้นไป ความสำคัญของการรู้ค่าดัชนีมวลร่างกาย
เพื่อดูอัตราการเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ ถ้าค่าที่คำนวนได้ มากหรือน้อยเกินไป
เพราะถ้าเป็นโรคอ้วนแล้ว จะมีภาวะเสี่ยงต่อการเป็นโรคความดันโลหิตสูง
โรคเบาหวาน โรคหัวใจขาดเลือด และโรคนิ่วในถุงน้ำดี แต่ในขณะเดียวกัน
ผู้ที่ผอมเกินไป ก็จะเสี่ยงต่อการติดเชื้อ ประสิทธิภาพในการทำงานของร่างกายลดลง
ดังนั้นควรรักษาระดับน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ

วิธีคำนวณดัชนีมวลกาย Body Mass Index (BMI)

สูตรคำนวณดัชนีมวลกายคือ [ดัชนีมวลกาย= น้ำหนักตัว / ความสูง ยกกำลังสอง]
40 หรือมากกว่านี้ : โรคอ้วนขั้นสูงสุด
35.0 - 39.9: โรคอ้วนระดับ2 คุณเสี่ยงต่อการเกิดโรคที่มากับความอ้วน
หากคุณมีเส้นรอบเอวมากกว่าเกณฑ์ปกติคุณจะเสี่ยงต่อการเกิดโรคสูง
คุณต้องควบคุมอาหาร และออกกำลังกายอย่างจริงจัง
28.5 - 34.9: โรคอ้วนระดับ1 และหากคุณมีเส้นรอบเอวมากกว่า 90 ซม.(ชาย) 80 ซม.(หญิง)
คุณจะมีโอกาสเกิดโรคความดัน เบาหวานสูง จำเป็นต้องควบคุมอาหาร และออกกำลังกาย
23.5 - 28.4: น้ำหนักเกิน หากคุณมีกรรมพันธ์เป็นโรคเบาหวานหรือไขมันในเลือดสูง
ต้องพยายามลดน้ำหนักให้ดัชนีมวลกายต่ำกว่า 23
18.5 - 23.4: น้ำหนักปกติ และมีปริมาณไขมันอยู่ในเกณฑ์ปกติ มักจะไม่ค่อยมีโรคร้าย
อุบัติการณ์ของโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูงต่ำกว่าผู้ที่อ้วนกว่านี้
น้อยกว่า 18.5: น้ำหนักน้อยเกินไป ซึ่งอาจจะเกิดจากนักกีฬาที่ออกกำลังกายมาก
และได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ วิธีแก้ไขต้องรับประทานอาหารที่มีคุณภาพ
และมีปริมาณพลังงานเพียงพอ และออกกำลังกายอย่างเหมาะสม

คำนวณการเผาผลาญพลังงาน Basal Metabolic Rate (BMR)
Basal Metabolic Rate (BMR) คือ อัตราการความต้องการเผาผลาญของร่างกายในชีวิตประจำวัน
หรือจำนวนแคลอรี่ขั้นต่ำที่ต้องการใช้ในชีวิตแต่ละวัน ดังนั้นการคำนวณ BMR
จะช่วยให้คุณคำนวณปริมาณแคลอรี่ที่ใช้ต่อวันเพื่อรักษาน้ำหนักปัจจุบันได้
และเมื่ออายุมากขึ้นเราจะควบคุมน้ำหนักได้ยากขึ้น เพราะ BMR เราลดลง
การอดอาหารก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ BMR ลดลง วิธีป้องกันคือ "หมั่นออกกำลังกาย"
เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการเผาผลาญ ซึ่งจะทำให้ BMR ไม่ลดลงเร็วเกินไป
คำนวณการเผาผลาญพลังงาน Basal Metabolic Rate (BMR)
 
BMR (Basal Metabolic Rate) พลังงานที่จำเป็นพื้นฐานในการมีชีวิต
TDEE (Total Daily Energy Expenditure) พลังงานที่คุณใช้ในแต่ละวัน

วิธีคำนวณการเผาผลาญพลังงาน Basal Metabolic Rate (BMR)

สูตรคำนวณอัตราการเผาผลาญของร่างกายในชีวิตประจำวันคือ
สำหรับผู้ชาย : BMR = 66 + (13.7 x น้ำหนักตัวเป็น กก.) + (5 x ส่วนสูงเป็น ซม.) – (6.8 x อายุ)
สำหรับผู้หญิง : BMR = 665 + (9.6 x น้ำหนักตัวเป็น กก.) + (1.8 x ส่วนสูงเป็น ซม.) – (4.7 x อายุ)
จะสังเกตได้ว่าน้ำหนัก ส่วนสูงและอายุมีผลต่อการเผาผลาญพลังงาน
เมื่อหาค่า BMR (Basal Metabolic Rate) มาแล้วเราก็จะสามารถรู้ได้ว่า
เรามีการการเผาผลาญพลังงานโดยไม่ทำกิจกรรมอะไรเลยเท่าไร
แต่หากเรามีกิจกรรมอย่างออกกำลังกายจะมีการเผาผลาญพลังงานโดยคำนวณได้ดังนี้

"การเผาผลาญพลังงานโดยปกติ = BMR x ตัวแปร"
โดยตัวแปรของเราจะขึ้นอยู่กับการออกกำลังของเราดังนี้
นั่งทำงานอยู่กับที่ และไม่ได้ออกกำลังกายเลย = BMR x 1.2
ออกกำลังกายหรือเล่นกีฬาเล็กน้อย ประมาณอาทิตย์ละ 1-3 วัน = BMR x 1.375
ออกกำลังกายหรือเล่นกีฬาปานกลาง ประมาณอาทิตย์ละ 3-5 วัน = BMR x 1.55
ออกกำลังกายหรือเล่นกีฬาอย่างหนัก ประมาณอาทิตย์ละ 6-7 วัน = BMR x 1.725
ออกกำลังกายหรือเล่นกีฬาอย่างหนักทุกวันเช้าเย็น = BMR x 1.9

ถ้าไม่อยากคำนวณเอง ก็เข้า Web ไปคำนวณได้เลยครับ
kcal.memo8.com

บางคนถามว่า แล้วทำไม ไม่บอกก่อนหน้านี้
เพราะถ้าผมบอกก่อน บางคนจะใช้ทางลัดคำนวณเลย โดยไม่ยอมอ่านไงครับ
การลดความอ้วน ไม่มีทางลัดครับ มีแต่ทางเร็ว ^_^

ยกตัวอย่าง ผมเอง สูง 173 หนัก 76.5 ตีไปว่า 77 ละกัน ณ ปัจจุบัน
คำนวณ ออกมาจะได้ค่าดังนี้ครับ

BMR (Basal Metabolic Rate) พลังงานที่จำเป็นพื้นฐานในการมีชีวิต
1768 กิโลแคลอรี่
TDEE (Total Daily Energy Expenditure) พลังงานที่คุณใช้ในแต่ละวัน
2431 กิโลแคลอรี่

เท่ากับว่า ผมรู้แล้วครับ ว่าผมต้องการพลังงานวันละประมาณ 1768 กิโลแคลอรี่
แต่ผมมีการใช้พลังงานด้วย จากการออกกำลังกายเล็กน้อย อาทิตย์ละ 1-3 วัน
ดังนั้น ผมจึงมี TDEE เท่ากับ 2431 กิโลแคลอรี่

ดังนั้น ถ้าผมกินให้น้อยกว่า 2431 กิโลแคลอรี่ได้ ผมก็จะไม่อ้วนขึ้นครับ
แต่ แค่ไม่อ้วนขึ้นนะครับ ไม่ถึงกับ ทำให้ผอมลง
เพราะ พลังงานประมาณ 500-700 กิโลแคลอรี่ เท่ากับน้ำหนักประมาณ 1 ขีดครับ
ดังนั้น ถ้าผมทานวันละ 1700 กิโลแคลอรี่ ก็จะลดลง 1 ขีด / วัน
ถ้าผมทานวันละ 1000 กิโลแคลอรี่ ก็จะลดลง 2 ขีด / วัน
ถ้าผมทานวันละ 300 กิโลแคลอรี่ (ซึ่งเป็นไปไม่ได้แน่นอน) ก็จะลดลง 3 ขีด / วัน

พอเห็นภาพนะครับ ดังนั้น การรู้พลังงาน คร่าวๆ ของอาหารที่เรากิน
จึงเป็นสิ่งสำคัญครับ เดี๋ยวนี้ มี web ให้ความรู้เยอะแยะครับ
ว่า อาหารแต่ละอย่าง ให้พลังงานประมาณ กี่ กิโลแคลอรี่
ก่อนกินขนม ก่อนกินอาหาร พยายามเช็คก่อนครับ ว่าวันนี้ คุณกินเกินไปแล้วหรือยัง ^_^

3. ใช้ให้เยอะ กว่า พลังงานที่ต้องการใช้

อย่างที่บอกครับ เรารู้อยู่แล้วว่า BMR เราืคือเท่าไหร่ TDEE เราคือเท่าไหร่
ดังนั้น ถ้าเรากินเยอะ แต่ใช้น้อย ก็อ้วนแน่นอน
ดังนั้น การออกกำลังกาย การสร้างกล้ามเนื้อ จะทำให้ร่างกายเราต้องใช้พลังงานเยอะขึ้น
ถ้าเรากินน้อย แต่ใช้เยอะ ร่างกายเราก็จะสามารถลดน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ยกตัวอย่างดังนี้

ถ้าตุ้มต้องใช้ พลังงาน วันละ 2431 กิโลแคลอรี่
ตุ้มกินเข้าไปวันนี้ 2400 กิโลแคลอรี่ ตุ้มก็จะน้ำหนักทรงๆ
ตุ้มกินเข้าไปวันนี้ 3000 กิโลแคลอรี่ ตุ้มก็จะน้ำหนักเพิ่มขึ้นประมาณ 1 ขีด
ตุ้มกินเข้าไปวันนี้ 1700 กิโลแคลอรี่ ตุ้มก็จะน้ำหนักลงประมาณ 1 ขีด

แต่ถ้า ตุ้ม ออกกำลังกาย เพิ่มเข้าไปด้วยล่ะ?
ปกติต้องใช้ 2431 แต่ออกกำลังเพิ่มการใช้พลังงานไปอีกซัก 300
ดังนั้น พลังงานที่ใช้ ก็จะกลายเป็น 2731
ถ้ากินเข้าไปวันนี้ 2400 กิโลแคลอรี่ เหมือนเดิม น้ำหนักก็จะลดลงหน่อยนึง

พอเห็นภาพไหมครับ ?

ถ้าวันนี้ คุณทำ 3 ข้อแรกได้
หาแรงบันดาลใจให้เจอ กินให้น้อยกว่าที่กิน ใช้ให้เยอะกว่าที่ใช้
ยินดีด้วยครับ คุณไม่ต้องอ่านข้อ 4 และ ข้อ 5 ต่อแล้ว
แต่หากคุณบอกว่า มันยากเหลือเกิน การกินให้น้อยลง
เพราะของกินทุกวันนี้ มันก็อร่อยซะเหลือเกิน เห็นอะไรก็อยากกินไปหมด
การออกกำลังกาย ก็แสนจะยากลำบาก ไม่มีเวลาจะออกกำลังกายได้ทุกวัน

ถ้าเป็นเช่นนั้น คุณต้องทำ ข้อ 4 เพิ่มครับ

4. ใช้อาหารเสริมที่ดี เป็นตัวช่วยในช่วงแรก

เพราะอาหารเสริมที่ดี จะช่วยทำให้การลดน้ำหนักของคุณเห็นผลได้ไวขึ้น
แต่คุณต้องเข้าใจก่อนนะครับ ว่า อาหารเสริมที่ดีนั้น คือ อาหารเสริมที่คุณได้กิน
ดังนั้น ซื้อมาแล้ว ไม่กิน ก็เหมือนไม่ได้ซื้อนะครับ
สำคัญมากๆ คือ คุณต้องมีวินัยในการกิน การออกกำลังกาย และการกินอาหารเสริมด้วย

เพราะอาหารเสริมที่ดี จะเป็นเหมือนตัวคูณ ช่วยในการลดน้ำหนักครับ
เช่น ถ้าปกติ คุณจะลดได้ประมาณ 1-2 กิโล ใน 1 เดือน ก็อาจจะกลายเป็น 3-6 กิโลได้
แต่ถ้าปกติ คุณจะลดไม่ได้อยู่แล้ว คือลดได้ 0 กิโล การทานอาหารเสริมเข้าไป ก็อาจช่วยอะไรไม่ได้
เพราะ 0 คูณอะไร ก็ได้ 0 ครับ

คำถามคือ แล้วจะเลือกทานอาหารเสริม ยี่ห้อไหนดี อันนี้ แล้วแต่แล้วครับ
สำคัญเอาที่มี มาตรฐาน อย. และมีคนทานแล้วเห็นผล แล้วเค้าแนะนำคุณได้ครับ
อย่างตัวตุ้มเอง ตุ้มเลือกทานอาหารเสริมของ Vital Star ครับ

คราวนี้ มาที่ วิธีการทานอาหารเสริมก่อน
เค้าว่ากันว่า การทานอาหารเสริมแล้วไม่เห็นผล หลักๆจะมี 2 สาเหตุครับ
1. กินไม่ถูกวิธี ยกตัวอย่างเช่น บอกให้กินก่อนอาหาร 30 นาที
แต่ว่า ไม่มีวินัยในการกินอาหารเสริม ไปกินหลังอาหารแทน หรือบางทีก็ไม่กินเลย
หรือบางที บอกให้ทาน 3 เม็ด บอกว่า ไม่เอา กลัวเปลือง ก็เลยทานเม็ดเดียว
ก็เลยไม่เห็นผล สิ่งหนึ่งที่ตุ้มอยากบอกเพื่อนๆคือ วันนี้ การทานอาหารเสริมนั้น
ยิ่งกลัวเปลือง ยิ่งเปลืองครับ คือยังไง คือ กินน้อยๆ เพราะกลัวเปลือง
สุดท้าย ก็เลยไม่เห็นผล คราวนี้ ก็เลยเปลืองจริงๆ เลยครับ
ดังนั้น กินแบบจัดเต็มไปเลยครับ เอาให้ถูกวิธี ตามที่มีคนแนะนำ แล้วเห็นผล
แบบนี้สิ ถึงจะไม่เปลือง จริงไหมครับ ^_^

2. ร่างกายไม่ดูดซึม เคยได้ยินคำว่า You are what you eat ไหมครับ
แต่ถ้าจะเอาจริงๆ ผมว่า อาจไม่ถูกเท่าไหร่ You are what you absorb ต่างหาก
คือวันนี้ กินเข้าไปเท่าไหร่ ไม่สำคัญว่า ร่างกายดูดซึมได้เท่าไหร่
ดังนั้น ก่อนจะเริ่มต้นทานอาหารเสริมใดๆ ก็ตาม
ไม่ว่า จะเป็นอาหารเสริมในหมวดสุขภาพ ผิวพรรณ หรือควบคุมรูปร่าง
ผมแนะนำใหุ้คุณทาน อาหารเสริมที่ช่วยในเรื่องของการ Detox ลำไส้ก่อนครับ
เพื่อให้ร่างกายคุณ ดูดซึม อาหารเสริมที่ทานเข้าไปได้ดีขึ้นแน่นอน
สำหรับ Vital Star ตัวที่ผมแนะนำคือ

Oligo Fiber ครับ ซึ่งจะช่วยในเรื่องของการ ทำความสะอาดลำไส้
ทำให้ลำไส้ของเราสะอาด สามารถดูดซึม สารอาหารต่างๆ ได้ดีมากขึ้น
รสชาติ เหมือนทานน้ำสัปปะรดครับ เปรี้ยวๆ อร่อยดี สำหรับคนชอบทานเปรี้ยวครับ

วิธีการทาน สูตร Detox ที่ผมแนะนำคือ ทาน 2 กล่องต่อเนื่องครับ
1 กล่องจะมี 10 ซอง ดังนั้น 2 กล่อง ก็จะมี 20 ซอง
ฉีก 1ซอง ผสมน้ำแล้วชงให้ละลาย แล้วรีบทานทันทีครับ แล้วดื่มน้ำตาม 1-2 แก้ว
ให้ทานให้หมด ภายใน 1 สัปดาห์ครับ โดยทานดังนี้

3 วันแรก วันละ 4 ซอง อาจจะเป็น ก่อนอาหารเช้า/กลางวัน/เย็น และก่อนนอน
4 วันต่อมา วันละ 2 ซอง อาจจะเป็น ก่อนอาหารกลางวัน / เย็น

ตรงนี้ คือสูตรในการ Detox ร่างกายครับ แล้วหลังจากนั้นทุกๆ 3/4/6 เดือน
คุณค่อยทานสูตรนี้ อีกครั้งหนึ่งครับ ^_^

ทีนี้หลังจาก ลำไส้ เราดูดซึมได้เต็มที่แล้ว
มารู้จักอาหารเสริม Vital Star ที่ผมใช้ในการ ลดน้ำหนัก 10 กิโล ใน 2 เดือนบ้าง

1. AG Bloc เป็นอาหารเสริม ที่ช่วยในการป้องกันการเปลี่ยนแป้งไปเป็นพลังงานครับ
กินเท่าเดิม แต่ร่างกายดูดซึมไปใช้เป็นพลังงานได้น้อยลง ก็เลยได้รับพลังงานน้อยลงครับ

2. 6L เป็นอาหารเสริม ที่ช่วยในการเผาผลาญพลังงานให้เพิ่มมากขึ้นครับ
ทำกิจกรรมเท่าเดิม แต่ร่างกายเผาผลาญพลังงานได้เพิ่มขึ้น ก็เลยใช้พลังงานเพิ่มขึ้นครับ

3. Oligo Fiber เป็นอาหารเสริม ที่ช่วยในการ Detox และทำให้เราอิ่มเร็วขึ้น
ร่างกายดูดซึมอาหารเสริมได้ดีขึ้น ช่วยให้อาหารเสริม ทำงานได้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น
และตัว Oligo Fiber ยังช่วยให้เราอิ่มเร็วขึ้น ทำให้ความอยากอาหารน้อยลงครับ

4. Multipro เป็นอาหารเสริม ที่เป็นโปรตีนผสม 6 ชนิด
ถั่วเหลือง ช่วยระบบหลอดเลือดและหัวใจ
Whey Protein ช่วยเรื่องเสริมสร้างกล้ามเนื้อ เพิ่มการเผาผลาญ
คอลลาเจนจากปลา ช่วยเรื่อง ระบบไขข้อกระดูก และระบบผิวพรรณ
ฺBCAA ช่วยเรื่องควบคุมน้ำหนักส่วนเกิน บำรุงตับ
Creatine ช่วยเรื่องความจำและสมอง
Milk Protein Hydrolysate ช่วยเรื่องลดระดับความเครียด
ที่สำคัญ มัลติโปร ยังมีสารที่ชื่อว่า Wellmune ช่วยให้เม็ดเลือดขาวเราต่อสู้กับเชื้อโรคได้ดีขึ้นด้วย
ช่วยให้เรามีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงขึ้นอีกด้วย

บางคนสงสัยว่า ทำไม ต้องทานโปรตีนด้วย
ผมเปรียบเทียบให้เห็นภาพว่า วันนี้ การคุมน้ำหนัก
ด้วยการควบคุมการทาน มันก็เปรียบเหมือนงาน Active ที่เราต้องทำถึงจะได้
ส่วนการเพิ่มกล้ามเนื้อในร่างกาย ด้วยการทานโปรตีน และออกกำลังกาย
ก็เปรียบเหมือนงาน Passive ที่เมื่อเราสะสมมาถึงจุดๆหนึ่ง เราไม่ต้องทำเพิ่มก็ยังช่วยได้
เพราะเมื่อร่างกายเรา มีกล้ามเนื้อเยอะ ร่างกายเราก็ต้องใช้พลังงานเยอะไปด้วยนั่นเอง

วิธีการทานอาหารเสริม ที่ผมใช้ (ตรงนี้ ปรึกษาโค้ชของคุณนะครับ
แนวทางอาจจะแตกต่างกันออกไปตามแต่ละบุคคลครับ) คือ

มื้อเช้า ทานตามปกติครับ ไม่กินอาหารเสริมใดๆ เลย

มื้อกลางวัน ก่อนมื้ออาหาร 30-45 นาที ผมทาน AG Bloc/6L อย่างละ 2-3 เม็ดครับ

มื้อเย็น ก่อนมื้ออาหาร 60 นาที ผมทาน Oligo 1 ซอง
         ก่อนมื้ออาหาร 30-45 นาที ผมทาน AG Bloc/6L อย่างละ 2-3 เม็ดครับ

(แต่ถ้าคุณรู้ตัวว่า มื้อไหน คุณจะไม่ค่อยได้ทานแป้ง คุณอาจจะไม่ทาน AG Bloc ก็ได้
 ถ้ามื้อไหน คุณรู้ตัวว่า มื้อนี้ คุณต้องไปทานบุฟเฟ่ต์ ต้องจัดหนัก
 คุณก็อาจจะจัดหนักอาหารเสริม เพิ่มปริมาณ เป็น 4-6 เม็ด ก่อนมื้ออาหารก็ได้
 ปรับปรุง เปลี่ยนแปลง ตามความเหมาะสมครับ)

ตอนกลางคืน ปกติ ผมจะใช้เวลาในการออกกำลังกายก่อนนอนครับ
โดยก่อนออกกำลังกาย ผมจะทาน มัลติโปร 1 Serving ครับ
ผมจะซิทอัพ และวิดพื้น เริ่มจากวันละน้อยๆครับ เอาเท่าที่เราทำได้
แล้วค่อยๆเพิ่มจำนวนขึ้นไปเรื่อยๆครับ อย่าฝืนตัวเองเยอะ แต่ต้องฝืนนิดหน่อย
พอให้ร่างกายได้เกิดการสร้างกล้ามเนื้อครับ
หลังจากออกกำลังกายเสร็จแล้ว พักซักครู่ แล้วผมจะทาน มัลติโปรอีก 1 serving ครับ
(ตรงนี้ คุณต้องหาเวลาที่คุณสะดวกออกกำลังกาย ตามเวลาของคุณนะครับ)

ถ้าหิวเวลาดึกๆ ผมแนะนำให้ทาน Multipro ครับ ผสมน้ำเปล่าทานนะครับ
อย่าผสมกับนม เพราะจะได้พลังงานเยอะเกินไปก่อนนอนครับ

อันนี้ คือ สูตร การทานอาหารเสริม ที่ผมใช้ ประกอบกับ ข้อ 1-3 ครับ
คือในระหว่างที่ตุ้มลดน้ำหนักนั้น
1. ตุ้มมีแรงบันดาลใจที่ชัดเจนครับ ว่าตุ้มต้องลดให้ได้ เพื่อสุขภาพ และ Ipad อิอิ
2. ตุ้มควบคุมอาหารที่กินในแต่ละวันครับ ดูพลังงานอาหารที่กิน
ไม่ได้ถึงขั้นว่า ห้ามกินของหวาน ห้ามกินของมันเลย แต่ถ้าเว้นได้ ก็พยายามเว้นก่อน
ที่สำคัญที่สุดคือ อย่ากินให้เกินพลังงาน ที่ตัวเองกำหนดไว้ครับ
อย่างตุ้มนั้น ช่วงลดน้ำหนัก กำหนดไว้ให้ตัวเองกินได้วันละไม่เกิน 1300 กิโลแคลอรี่ครับ
3. ตุ้มมีวินัยในการออกกำลังกายเพิ่มครับ วันละเ็ล็กๆน้อยๆ แต่พยายามออกทุกวันครับ
4. ตุ้มทานอาหารเสริมอย่างมีวินัย

ผลจากการที่ตุ้มทำ ทั้ง 4 ข้อนี้ อย่างมีวินัย ทำให้ตุ้มลดได้ 10 กิโลใน 2 เดือนครับ
ปัญหาคือ ตุ้มก็เคยลดได้มาก่อน แต่ก็กลับมาอ้วนใหม่
แต่ครั้งนี้ ทำไม ถึงไม่มีสิ่งที่เรียกว่า yoyo effect นั่นเป็นเพราะข้อ 5. ครับ

5. ค่อยๆปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตและการบริโภคของตัวเอง

เรารู้แล้วว่า เราควรทานเท่าไหร่ เรารู้แล้ว ว่าเราควรออกกำลังกายยังไง
ถ้าเราควบคุมตัวเองให้กินพอดีๆ ออกกำลังกายพอดีๆ ได้
เราเน้นทานมื้อเช้าอย่างราชา มื้อเที่ยงทานปกติ และมื้อเย็นทานอย่างยาจก
เราหาเวลาออกกำลังกายวันละเล็ก วันละน้อย
เราพยายามงดอาหารประเภทแป้ง และของมัน ของทอด ของหวาน หลังจากช่วงเย็น
(เพราะช่วงเย็น ร่างกายเราจะไม่ค่อยได้ใช้พลังงานแล้ว ถ้าทานตอนนั้น สะสมล้วนๆครับ)

เราก็จะสามารถที่จะลดน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพ
และไม่กลับมาอ้วนอีกนั่นเอง

ตุ้มทาน Set อาหารเสริมไป ประมาณ 2 เดือน (ก.ค.55-ส.ค.55)
จาก 89 กิโลกรัม ลดไปประมาณ 10 กิโล เหลือ 79 กิโลกรัม
หลังจากนั้น ตุ้มก็ไ่ม่ได้ทาน Oligo/AG/6L ทุกวัน
แต่มีทาน Oligo บ้างเพื่อ Detox
และทาน AG/6L บ้าง เวลาออกไปทานบุฟเฟ่ต์
ทาน Multipro สม่ำเสมอ เพราะร่างกายเราขาดโปรตีนอยู่แล้ว
ผ่านไป 1 ปีกว่าๆ น้ำหนักตุ้มก็ไม่กลับมาอ้วนอีก
และตอนนี้ ตุ้มหนักอยู่ที่ประมาณ 76-77 กิโลกรัม

สุดท้ายตุ้มฝากเอาไว้่ว่า

" อยากหุ่นดีมีเหมือนกันทุกคน แต่ความมุ่งมั่นอดทน มีไม่เท่ากัน"

เชื่อว่า ตุ้มทำได้ ถ้าเพื่อนๆ มี แนวคิดในการลดน้ำหนัก 5 ข้อนี้เช่นกัน เพื่อนๆ ก็ทำได้ครับ

หากมีข้อมูลตรงไหน อยากติดต่อสอบถามเพิ่มเติม
สอบถามได้ ทาง line id : tumtheclover ยินดีให้คำปรึกษาครับ ^_^

ก็หวังว่าจะเป็นประโยชน์ กับพี่ๆเพื่อนๆน้องๆ ทุกคนที่อยากหุ่นดีนะครับ
My name is Prayuth Chatsakda and I'm Clover


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น